Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์23 กุมภาพันธ์ 2552
ไพร์มเนเจอร์ปรับแผนครั้งใหญ่ ดีงรับเหมาร่วมทุนเสริมความแกร่ง             
 


   
search resources

Real Estate




ไพร์มเนเจอร์ปรับแผนพัฒนาที่ดินหัวหินระลอกใหม่ ล้มคอนโดหรูเจาะต่างชาติ หั่นขนาดยูนิตเหลือไซส์เล็กขายคนไทย งัดกลยุทธ์ร่วมทุนผู้รับเหมา เร่งดันโครงการแล้วเสร็จ สร้างความเชื่อมั่นลูกค้า หลังติดหล่ม 3 ปีปั้นโครงการไม่ขึ้น ฉุดแผนรุกธุรกิจใหม่ลากยาว

ช่วงเวลาที่โลดแล่นอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไม่ถึง 10 ปีของไพรม์เนเจอร์ ดีเวลลอปเปอร์หน้าใหม่ เจ้าของแลนด์แบงก์หลายหมื่อนไร่ในย่านชลบุรี พร้อมกับจุดยืนเพียงหนึ่งเดียว คือ การรุกตลาดไฮเอนด์ ประเดิมด้วยการพัฒนาแลนด์แบงก์แปลงใหญ่ในย่านอ่อนนุช และต่อมาที่หัวหิน แม้รูปลักษณ์หรือแนวคิดของโครงการที่ออกมาจะไม่ได้สวนทางกับจุดยืนที่ไพร์มเนเจอร์อยากเป็น แต่ก็แทบไม่น่าเชื่อว่าที่ดิน 2 แปลงใหญ่นี้จะกลายเป็นกับดักที่ทำให้ดักไพรม์เนเจอร์ติดหล่ม จนไม่พร้อมที่จะรุกตลาดใหม่ๆ ทั้งที่วางแผนธุรกิจระยะยาวไว้หลายด้าน ทั้งการรุกตลาดลองสเตย์ โดยใช้แลนด์แบงก์ที่ชลบุรีของตนเอง ออฟฟิศ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม ฯลฯ รวมถึงการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

สำหรับบ้านเดี่ยวหรูในโครงการไพร์มเนเจอร์ อ่อนนุชขณะนี้ปิดการขายแล้ว เหลือแต่ภาระการพัฒนาโครงการไพร์มเนเจอร์ หัวหิน บนที่ดิน 102 ไร่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2548 ในช่วงจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังบูม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชาวต่างชาติ แต่เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้เวลาพัฒนานาน รวมถึงคาดการณ์ตลาดผิดพลาด ทำให้ความคืบหน้าของโครงการล่าช้ากว่าแผน ซึ่งตามมาสเตอร์แพลนเดิมแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ ที่ดินเปล่าและบ้านเดี่ยวบนเนิน 17.5 ไร่ รวม 24 แปลง, คอนโดมิเนียมสูง 3 ชั้น 6 อาคาร รวม 150-250 ยูนิต พื้นที่ 15.5 ไร่ และบ้านรอบทะเลสาบ พื้นที่ 10.5 ไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่ส่วนกลางคิดเป็น 65% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด ราคาขายที่ดิน 80,000-150,000 บาทต่อ ตร.วา บ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้น 20-35 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมขนาด 150 ตร.ม. และ 250 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15-35 ล้านบาท

ปัจจุบันแผนการพัฒนาที่ดินได้เปลี่ยนไป เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนคอนโดมิเนียมที่ได้ปรับขนาดยูนิตให้เล็กลง เพื่อจับกำลังซื้อคนไทย หลังจากประสบการณ์ในการทำตลาดของสุนัทที เนื่องจำนงค์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ไพรม์เนเจอร์ พบว่า ที่ผ่านมาลูกค้าชาวต่างชาติเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายมากกว่าคนไทย ลูกค้ามักถามหายูนิตขนาดเล็ก และสนใจรูปแบบตกแต่งพร้อมอยู่มากกว่า เดิมบริษัทออกแบบเป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 54 ยูนิต ขนาดเริ่มต้น 150 ตร.ม. ราคา 6.3 ล้านบาท ซึ่งไม่ตรงกับดีมานด์ของคนไทย ทำให้มียูนิตเหลือขายจำนวนหนึ่ง จึงคืนเงินจองให้กับลูกค้าเก่า และปรับรูปแบบโครงการเป็น Low Rise Luxurious Condominium คอนโดมิเนียม 7 ชั้น (รวมชั้นจอดรถ) 2 อาคาร รวม 93 ยูนิต บนพื้นที่ 2 ไร่ ลดขนาดยูนิตให้เล็กลงเหลือ 61.5-240 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท หรือ 85,000-100,000 บาทต่อ ตร.ม. ออกแบบโดยออกัสท์ ดีไซน์ คอนซัลแตนท์ ในสไตล์รีสอร์ตร่วมสมัย ขณะนี้มียอดพรีเซลแล้ว 30% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย ผ่านการพิจารณา EIA แล้ว คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในเดือนต.ค. นี้

ทั้งนี้การบริหารโครงการได้ดึงบริษัท อี.จี. คอนสตรัคชั่น จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีประสบการณ์ด้านก่อสร้างห้างค้าปลีก เข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการ โดยจัดตั้งบริษัท อี.จี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดขึ้น ซื้อที่ดิน 2 ไร่ จากไพร์มเนเจอร์ และอี.จี. คอนสตรัคชั่นถือหุ้น 80% มาช่วยผลักดันงานก่อสร้างที่ไพร์มเนเจอร์ไม่ถนัดให้แล้วเสร็จ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า และเร่งรับรู้รายได้ ซึ่งใช้เวลาเพียง 12 เดือน จากเดิมที่เป็นตึกสูงต้องใช้เวลานานถึง 18 เดือน แม้สัดส่วนกำไรจะลดลงจากที่ตั้งไว้ เพราะโครงการล่าช้ากว่าแผน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us