วิกฤตการเงินโลกกระทบตลาดส่งออกเฟอร์นิเจอร์ซบ ต่างประเทศไม่เพิ่มออเดอร์สินค้า ผู้บริหารอินเด็กซ์ฯ ลดสัดส่วนส่งออกเหลือ 20% เน้นเพิ่มยอดขายตลาดค้าปลีก พร้อมทุ่มงบตลาด200ล้าน อัดแคมเปญโปรโมชันตลอดปี หวังกระตุ้นยอดขายโต10% เชื่อส่งออกหดตัว ผู้ผลิตกระโดดลงตลาดค้าปลีก ส่งผลตลาดแข่งขันรุนแรง จับตาผู้ประกอบการงัดสงครามราคาแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาด
นางสาวจรินทร ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด กล่าวว่า ผลจากที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้ายังตลาดต่างประเทศประสบปัญหา เนื่องจากแต่ละประเทศมีการลดสั่งสินค้า(ออเดอร์)ลง และสนับสนุนให้มีการบริโภคสินค้าภายในประเทศแทน จากผลกระทบดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกรวมถึงธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในไทยต่างประสบปัญหา ซึ่งในส่วนของอินเด็กซ์ฯปีนี้ คาดว่าจะมีปริมาณการส่งออกเท่ากับปีที่ผ่านมา
"แม้ตลาดส่งออกจะชะลอตัวลง แต่ผู้แทนจำหน่ายต่างประเทศของอินเด็กซ์ฯ ยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว การสั่งสินค้ายังเกิดต่อเนื่อง แต่ปริมาณไม่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพราะผู้แทนจำหน่ายระมัดระวังในเรื่องการบริหารสภาพคล่อง และความผันผวนของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ"กรรมการผู้จัดการกล่าวและว่า
จากกรณีดังกล่าว ทำให้บริษัทฯต้องปรับสัดส่วนการขายสินค้าและปรับแผนทางการตลาดใหม่ โดยคาดว่าในปี 2552 จะมียอดการส่งออกอยู่ที่ 20% ลดลงจากปีที่ผ่านมา 10% ซึ่งเป็นการลดลงทางด้านปริมาณการส่งออกแต่ในส่วนของมูลค่ายังเท่ากับปี 2551 ส่วนยอดขายในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากเดิมที่ 70% สัดส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มตลาดโครงการจัดสรรและอาคารสำนักงานให้เช่า (ออฟฟิศ)ประมาณ 20% กลุ่มตลาดค้าปลีก 55% และกลุ่มตลาดขายส่ง5%
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 51 มียอดขายเติบโตจากปี 50 ประมาณ15% เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ส่วนในปี 52 อินเด็กซ์ฯ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมเพิ่มขึ้นเป็น 6,800 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 10% โดยจะเน้นเพิ่มยอดขายในส่วนของกลุ่มตลาดค้าปลีก ซึ่งเป็นตลาดหลักที่บริษัทมีความชำนาญและมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมลูกค้ามากกว่าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด
"ปีนี้ การแข่งขันรุนแรงกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ถึงขั้นเล่นสงครามราคา เพื่อรักษายอดขายและชดเชยตลาดส่งออก ซึ่งเป็นช่องทางขายของผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายกลางที่เกิดการชะลอตัวอย่างชัดเจน ทุกคนเลยหันมาแย่งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกในประเทศให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันแนวโน้มตลาดอสังหาฯคาดว่าจะทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา เพราะผู้บริโภคยังชะลอการตัดสินใจซื้อ เพราะขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้ประกอบการโครงการจัดสรรเริ่มมีแนวโน้มเปิดโครงการลดลง เพื่อประเมินสถานการณ์ของตลาดอสังหาฯ และรอดูสัญญาณของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า"
ดังนั้น การทำตลาดของบริษัทในปีนี้ ต้องเน้นเพิ่มยอดขายในตลาดค้าปลีก โดยต้องเพิ่มงบประมาณการทำตลาดจากปี51 เป็น200ล้านบาทจากปกติจะใช้งบประมาณการตลาด 0.5%ยอดขายรวม โดยในส่วนของสินค้าแบรนด์อินเด็กซ์นั้น จะใช้กลยุทธ์ Joy Price หรือขายสินค้าราคาเดียวเช่นเดิม แต่จะมีการจัดโปรโมชันในรูปแบบการ แลก,แถม, แทนการลดราคา ส่วนสินค้าแบรนด์อื่นๆ เช่น วินเนอร์, เทลาเฟล็กส์, เซอร์ต้า ฯลฯ จะมีการจัดโปรโมชัน ลด,แลก,แจก,แถม มากขึ้น โดยกิจกรรมทางตลาดของบริษัทจะจัดขึ้นต่อเนื่องตลอดปี เพื่อกระตุ้นกระตัดสินใจของลูกค้าให้เร็วขึ้น กิจกรรมดังกล่าวจะเน้นจัดในช่วงไตรมาสที่2และ3 เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูการขาย ส่วนไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้ายของปี อาจมีกิจกรรมหรือโปรโมชันบ้าง เพราะเป็นช่วงที่ขายได้ดี
“ปัจจุบัน รายได้จากการขายสินค้าแบรนด์อินเด็กซ์ฯมีสัดส่วน 40% แบรนด์วินเนอร์ 20-30% และที่เหลือ 30-40% จะมาจากแบรนด์สินค้า เทลาเฟล็กส์, ลอจิก้า, เทรนดีไซน์, เซอร์ต้า ฯลฯ”
สำหรับการขายผ่านโครงการจัดสรรและออฟฟิศในปีนี้ ต้องรอดูตลาดก่อนที่จะมีการประมาณการรายได้จะเติบโตอย่างไร เนื่องจากในไตรมาสแรกนี้ การพัฒนาโครงการใหม่ และงานประมูลงานโครงการของหน่วยงานเอกชนและราชการ ยังไม่มีโครงการเปิดให้เสนองานประมูลมากนักแต่ด้วยความพร้อมและประสบการณ์ที่รับงานโครงการขนาดใหญ่ ผสมกับทีมงาน และศักยภาพการทำงานที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มลูกค้า จะช่วยให้บริษัทมีงานในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ทางกรุงเทพมหานคร(กทม.) ระบุว่า โครงการบ้านเอื้ออาทรที่ทางกทม.เตรียมจะเข้าไปซื้อจากการเคหะแห่งชาติ(กคช.)เพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงานและข้าราชการกทม.จะเป็นโครงการบ้านเอื้อฯพร้อมอยู่ ที่จะมีเฟอร์นิเจอร์แบรนด์อินเด็กซ์ฯ
|