|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย 10 บจ. เตรียมขนเงินลงขัน “กองทุนไทยสร้างโอกาส2” หากดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุด 400 จุด หรือแตะจุดต่ำสุดเดิมที่ 384 จุด หลังจากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจนต้องพับแผนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้านบลจ.กรุงไทย คาดตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใส่เงินครบ 1.7 พันล้านบาท ภายในเดือนมีนาคมนี้
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการลงทุนในกองทุนไทยสร้างโอกาส 2 ว่า หากดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงต่ำกว่า 400 จุด หรือลดลงกลับไปแตะที่จุดต่ำสุดเดิมที่ 380 จุดนั้น จะทำให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เคยไปชวนให้เข้ามาร่วมทุนในกองทุนดังกล่าวกลับมาให้ความสนใจและใส่เงินลงทุนในกองทุนไทยสร้างโอกาส 2 หลังจากก่อนหน้านี้บจ. ต่างๆ ได้ชะลอการลงทุนออกไป
ทั้งนี้ จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นปีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไป ทำราคาหุ้นตามมูลค่าทางบัญชี (PB) ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ตรงตามเป้าหมายการลงทุน จึงทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนลดลงไป หลังจากก่อนหน้านี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมากกว่า 1 เท่า จากปัญหาวิกฤตการเงินโลกที่ทำให้ราคาหุ้นต่ำมาก ขณะที่บริษัทจดทะเบียนเองยังมีฐานะทางการเงินที่ดี อัตราหนี้สินต่อหุ้น (DE) ต่ำ และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูง
นอกจากนี้ การที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่นั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยทรงตัวปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่แรง บวกกับปัญหาเศรษฐกิจทำให้บริษัทมีการถือครองเงินสดไว้ให้มากที่สุด และลดในเรื่องการลงทุน แต่เชื่อว่าหากราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงไปทำให้ PB ต่ำมาก จะดึงความสนใจจากนักลงทุนและบจ.กลับเข้ามาลงทุน แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับตัวอยู่ที่ระดับไหนก็ตาม
“จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ PB ต่ำมันหายไป จากเคยต่ำกว่า 1 เท่าปรับตัวเพิ่มขึ้นไป จึงทำให้ยังไม่ใช่โอกาสที่จะเข้าไปลงทุน เพราะเดิมที่ตั้งกองทุนนี้เป็นกองทุนเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุน จะเข้าไปลงทุนในหุ้นราคาต่ำ ไม่คำนึงถึงดัชนีตลาดหุ้น ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทยอยใส่เงินลงทุน จากมีวงเงินลงทุนมูลค่า 1.7 พันล้านบาท”
นายวิเชฐ กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงทุนในกองทุนไทยสร้างโอกาส 2 ซึ่งได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นช่วงดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ประมาณ 384 จุด ทำให้ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับผลกำไรจากการที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 400 จุด คาดว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนกลับมาลงทุนในกองทุนดังกล่าวประมาณ 10 แห่ง
อนึ่งก่อนหน้านี้นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดตั้งกองทุนไทยสร้างโอกาส 2 โดยให้ทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ.กรุงไทย จำกัด เป็นผู้บริหาร โดยใช้เงินลงทุนในกองทุนดังกล่าวจำนวน 1,700 ล้านบาท หลังจากที่ผ่านนักลงทุนสถาบันเช่น บจ.ไม่สนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนด้วย จากภาวะตลาดหุ้นในช่วงต้นปีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากช่วงปลายปี แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเดินหน้าลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทยอยใส่เงินลงทุนในกองทุนไทยสร้างโอกาส 2 ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปที่ระดับ 380 จุด แต่หากมีนักลงทุนสถาบันรายใดสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนก็สามารถทำได้ โดยทางบลจ.กรุงไทยจะหานักลงทุนสถาบันเข้ามาร่วมลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป แม้ที่ผ่านมาจากการไปชวนบจ.แล้วมีความสนใจ แต่ภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นตอนต้นปีทำให้ชะลอแผนในการที่จะเข้ามาร่วมลงทุน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจมีการปรับปรุงเกณฑ์การลงทุนในกองทุนแมทชิ่งฟันด์ใหม่ ในบางเรื่อง เพื่อให้มีการลงทุนที่ยืดหยุ่น เช่น อาจจะมีการลดระยะเวลาการลงทุนลดลง จากเดิมที่กำหนดว่าจะต้องมีการลงทุนยาว 2 ปี เพื่อทำให้การลงทุนมีความยืดหยุ่นในการลงทุนมากขึ้น จากเดิมที่จะต้องลงทุนเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีวงเงินที่จะใช้ร่วมลงทุนในกองทุน (Matching Fund) มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีบลจ. 3 แห่ง ที่ระดมทุนจากนักลงทุนและร่วมลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้เงินร่วมลงทุน 300 ล้านบาท แบ่งเป็น บลจ.ไอเอ็นจี ซึ่งลงทุนในสัดส่วน 1 ต่อ 3 คือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ 100 ล้านบาท และบลจ.ไอเอ็นจี ลงทุน 300 ล้านบาท
ส่วน บลจ.ซีมิโก้ และบลจ.เอ็มเอฟซี ซึ่งจะลงทุนในสัดส่วน 1 ต่อ 1.5 คือ ตลาดหลักทรัพย์ฯลงทุน 100 และบลจ.ซีมิโก้ และบลจ.เอ็มเอฟซี ลงทุนแห่งละ 150 ล้านบาท ทำให้ตลาดหลักทรัพย์เหลือเงินอีก 1,700 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่าผลตอบแทนการลงทุนในปีนี้จะสามารถเป็นบวกได้ จากที่ผ่านมาจากได้รับผลขาดทุนบ้างจากภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง ส่วนการลงทุนต่างประเทศนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งอาจจะไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเน้นลงทุนในประเทศไทยก่อน
ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ใส่เงินลงทุนในกองทุนไทยสร้างโอกาส 2 แล้ว ประมาณ 300-400 ล้านบาท และมีนักลงทุนสถาบัน 3 แห่งได้มีการใส่เงินร่วมลงทุน คือ ธนาคารกรุงไทย และบริษัทประกันอีก 2 แห่ง มูลค่า 200-300 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมีนักลงทุนสถาบันหลายแห่งสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนแต่ยังอยู่ทิศทางตลาดหุ้นไทยก่อน
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใส่เงินลงทุนครบ 1,700 ล้านบาท ในเดือนมีนาคม 2552 นี้ และคาดว่าจะมีนักลงทุนสถาบันเข้ามาร่วมลงทุนประมาณ 1,800 ล้านบาทโดยคาดว่าจะมีมูลค่ากองทุนไทยสร้างโอกาส 2 ในเดือนมีนาคมเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท
|
|
|
|
|