เอ็มเคสุกี้ ชูกลยุทธ์ สเต็ปบายสเต็ป หลังเอ็มเคสุกี้แข็งแกร่งแล้ว ยันไม่ขยายนอกไลน์อาหาร เปิดแผนปั้นยาโยอิอาศัยใบบุญเอ็มเคเป็นแรงส่ง ทุ่ม 500 ล้านบาท ลุยครบ 100 สาขา กวาด 1,000 ล้านบาท ใน 5 ปี หวังรายได้รวมทั้งกลุ่มทะลุ 10,000 ล้านบาท อีก 3 ปี
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองส์ จำกัด กล่าวว่า นโยบายของกลุ่มเอ็มเคในธุรกิจร้านอาหาร ตั้งเป้าไว้ภายในอีก 3 ปี จะมีรายได้รวมประมาณ 10,000 ล้านบาท มาจาก เอ็มเคสุกี้ ที่เป็นตัวหลักมากกว่า 80% รองลงมาคือ ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ และร้าน เลอสยามและร้าน ณ สยาม โดยคงอัตราการเติบโตรวมไว้ที่ 10% ซึ่งจะลงทุนต่อเนื่องเป็นขั้นตอนในสิ่งที่ถนัดและไม่แตกธุรกิจไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เราลงทุนแบบระมัดระวังอย่างยิ่ง
โดยปัจจุบันแบรนด์เอ็มเคถือว่าแข็งแกร่งแล้วมี 293 สาขา ปีนี้วางเป้าหมายปีนี้เปิดอีก 20 สาขา แต่เนื่องจากฐานรายได้มากแล้ว อาจทำให้การเติบโตปีที่แล้วโตหลักเดียวเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปี จากรายได้เอ็มเคสุกี้ 7,000 กว่าล้านบาท โดยยอดใช้จ่ายลูกค้าเฉลี่ย 200 บาทต่อคน วางงบตลาดไว้ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งในตลาดต่างประเทศมีที่ญี่ปุ่นผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไปเป็นเจ้าของแบรนด์ยาโยอิ เปิดมาแล้ว 10 ปีมีรวม 16 สาขา มีแผนเปิดเพิ่มอีกต่อเนื่อง
ส่วนแบรนด์ยาโยอิ ซึ่งถือเป็นแบรนด์ดาวรุ่ง เป็นแฟรนไชส์ที่ซื้อมาจาก ประเทศญี่ปุ่น เปิดมาแล้ว 3 ปี ขณะนี้มี 33 สาขา มียอดสมาชิก 10,000 ราย โดยปีที่แล้วเปิดได้ 12 สาขา มียอดขาย 400 ล้านบาท เติบโต 40% วางเป้าหมายระยะยาว 5 ปีนับจากนี้ จะต้องมี 100 สาขา มีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท ใช้งบลงทุนรวม 500 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะเปิดอีกกว่า 10 แห่ง งบลงทุนรวม 80 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเช่น ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี เป็นต้น และใช้งบตลาดรวม 40 ล้านบาท
ปีนี้มีแผนที่จะเปิดตัวแคมเปญ “ยาโยอิ ไรเดอร์ ฟอร์ โฮม ดีลิเวอรี่” โดยพนักงานส่งจะแต่งตัวคล้ายไอ้มดแดง ส่งสินค้าถึงบ้าน หลังจากที่ปีแล้วทดลองให้บริการดีลิเวอรี่เบอร์ 02-248-5555 ได้รับการตอบรับอย่างดี คาดว่าสัดส่วนดีลิเวอรี่ปีนี้จะเป็น 10% เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 5%
“ยอมรับว่าที่ยาโยอิโตเร็วเพราะอาศัยความแข็งแกร่งของร้านเอ็มเคสุกี้ด้วย โดยเฉพาะด้านวัตถุดิบที่จัดซื้อร่วมกันทำให้เรามีอำนาจต่อรองกับซัปพลายเออร์มาก ต้นทุนเราจึงต่ำ ขายไม่แพง ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 140 บาทต่อคน และเรายังเปิดร้านควบไปกับเอ็มเคได้ด้วย แต่ปัจจัยหลักที่โตเร็วมาจากคุณภาพอาหาร และราคาอาหารที่ไม่แพง จับกลุ่มระดับกลาง เสิร์ฟอาหารเร็วเหมือนฟาสต์ฟู้ด เป็นอาหารจานหลัก”
นายทัตสุโอะ ชิโออิ ประธาน บริษัท Plenus จำกัด เจ้าของแบรนด์ยาโยอิ จากญี่ปุ่น กล่าวว่า ไทยเป็นตลาดนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกของยาโยอิ แต่ขณะนี้ก็มีแผนที่จะขยายไปประเทศอื่นในเอเชีย เช่น จีน เวียนนาม คาดว่าอาจจะเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มเอ็มเคสุกี้ เพราะเป็นพันธมิตรกันมานาน ยังไม่ได้เจรจาในรายละเอียด ในปัจจุบันมีร้านยาโยอิญี่ปุ่นรวม 153 สาขา มีแผนเปิดให้ครบ 500 สาขาในอนาคต และมีร้านอาหารเบนโตะ(ขาวกล่อง) ทั่วญี่ปุ่นกว่า 2,400 สาขา กิจการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ญี่ปุ่น มีรายได้รวมปีที่แล้ว 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
|