Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 กันยายน 2546
หม่อมอุ๋ยการันตีฐานะแบงก์แข็งแกร่งยันควบรวม "BT-IFCT" เสร็จทันสิ้นปี             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารไทยธนาคาร

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - IFCT
ซิกโก้, บล.
ประมนต์ สุธีวงศ์




หม่อมอุ๋ยการันตีฐานะ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งแข็งแกร่ง ระบุบีไอเอสเกินกว่าทางการกำหนด 8.5% ขณะที่เอ็นพีแอลไม่น่าห่วง ล่าสุดทั้งระบบ อยู่ที่ 7.7 แสนล้านบาท ส่วนการควบรวม ไทยธนาคารกับไอเอฟซีที เป็นแบงก์ใหม่ทันสิ้นปีนี้แน่

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธปท. เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ของธนาคารพาณิชย์ในระบบไม่น่ามีความเป็นห่วงแต่อย่างใด เพราะทุกธนาคารมีฐานะที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยทุกธนาคารมีทุนสำรองต่อสินทรัพย์เสี่ยงเกินกว่าที่ ธปท.กำหนด รวมทั้งผลจากที่ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทำให้ธนาคารพาณิชย์มีผลกำไรในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนสถานการณ์หนี้เอ็นพีแอล ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่าจริงๆ ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด โดย ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2546เอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีเพียง 770,000ล้านบาทเท่านั้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีจำนวน 860,000 ล้านบาท ส่วนเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นใหม่นั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่สามารถเกิดเอ็นพีแอลขึ้นได้ ซึ่ง ธปท.จะกำกับดูแลในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ขอให้มั่นใจว่าเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นใหม่นี้ จะไม่สร้างปัญหาให้กับระบบการเงินเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ธปท.กำลังแก้ไขปัญหาเรื่องสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) อย่างเร่งด่วน ซึ่งจะต้องออกเป็นกฎหมาย โดยกระทรวงการคลังต่อไป ส่วนจะออกเป็นพระราชกำหนด หรือพระราชกฤษฎีกา หรือพระราชบัญญัติอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังจะพิจารณา โดยขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ได้พยายามที่จะเร่งขายเอ็นพีเอของตัวเองกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ ธปท.ได้ประกาศนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาเอ็นพีเอ โดยโอนไปให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐบริหารซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและ ธปท.ไม่ขัดข้องที่ธนาคารพาณิชย์จะเร่งขายเอ็นพีเอออกมากันเอง แต่ยิ่งเป็นการดีที่ช่วยกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ให้ความ สำคัญกับเอ็นพีเอกันมาก

ตั้งแบงก์ใหม่เสร็จทันสิ้นปีนี้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กล่าวถึงความคืบหน้าในการควบรวมกิจการของธนาคารไทยธนาคารและไอเอฟซีที ว่า ขณะนี้นายสมหมาย ภาษี รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรม การและประธานกรรมการบริหารไอเอฟซีที และนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการธนาคารไทยธนาคาร ต่างเห็นชอบที่จะให้มีการยุบรวมคณะกรรมการของสถาบันการเงินทั้ง 2 แห่ง เหลือเพียงชุดเดียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะเหลือใครบ้างที่เป็นกรรมการสำหรับธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นนั้น ทางประธานกรรมการและคณะกรรมการทั้ง 2 แห่งจะไปหารือในรายละเอียดกันอีกครั้งหนึ่ง เชื่อว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะทั้งนายสมหมายและนายประมนต์ สามารถตกลงกันได้

ส่วนขั้นตอนรายละเอียดของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่นั้น นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.จะไปหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งจากกระทรวงการคลังและจากทั้ง 2สถาบันการเงิน โดยจะดำเนิน การให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้ การจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ดำเนิน การได้ภายในสิ้นปี 2546นี้ ส่วนใบอนุญาต ของไอเอฟซีทีและธนาคาร ไทยธนาคารจะคืนให้กับกระทรวงการคลังต่อไป

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เมื่อควบรวมกิจการของทั้ง 2 สถาบันเข้าด้วยกันแล้ว จะทำให้ธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ ต้องมีการเพิ่มทุนใหม่แต่อย่างใด เพราะเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีทุนเพียงพออยู่มากแล้ว และเมื่อควบรวมกิจการเสร็จก็สามารถจะเดินหน้าทำธุรกรรมต่อไปได้ทันที ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นวิธีการ ที่แตกต่างจากการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินในอดีตที่ผ่านมา เพราะสถาบันการเงินทั้ง 2 แห่งไม่ได้มีฐานะการ เงินติดลบแต่อย่างใด และเป็นการดำเนินการด้วยความสมัครใจทั้ง 2 ฝ่าย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us