แสนสิริ เดินเครื่องเต็มสูบ หวังขึ้นตำแหน่งผู้นำ จัดทัพบริษัทลูกใหม่หมด เล็งปิดฉากพร้อมพัฒน์ หลังไม่ประสบความสำเร็จทั้งการสร้างแบรนด์และสินค้าไม่โดน ส่ง “ พิวรรธนา”เสียบแทน พร้อมลดบทบาท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เหลือแค่งานบริการ
แผนการขึ้นสู่บัลลังก์ของบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ใกล้เป็นความจริงมาทุกขณะ เพราะได้ไต่ระดับจากอันดับที่10 ในปี 2545 และไต่มาอยู่ในอันดับที่ 5 ในปี 2547 และล่าสุดอยู่อันดับ 3 ในปี 2550 ปี อีกทั้งยังเห็นได้จากรายได้ที่เข้าใกล้ผู้นำตลาดอย่างบริษัท แลนด์ แฮนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) อย่างชนิดหายใจรดต้นคอ และหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แสนสิริ น่าจะมีรายได้มากกว่าแลนด์ฯในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แผนการดำเนินงานเข้าสู่เป้าหมายโดยเร็ว แสนสิริ จึงปรับโครงสร้างการดำเนินงานใหม่หมด โดยจัดให้แต่ละบริษัทรับผิดชอบในส่วนที่ถนัด เพื่อความคล่องตัว อีกทั้งยังทำให้แผนการดำเนินงานของกลุ่มแสนสิริมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โดยแสนสิริ รับผิดชอบโครงการแนวราบ และแนวสูง เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน บริษัท พลัส พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เน้นพัฒนาโครงการแนวราบ ทั้งทาวเฮาส์และคอนโดมิเนียม จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และธุรกิจตัวแทนการซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการจัดการอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้คำปรึกษาการวางแผนงานอสังหาริมทรัพย์ โดยในอนาคตพลัสอาจจะหยุดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแล้วหันมาจับธุรกิจหลัก 3 ตัวนี้ เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่บริษัท พร้อมพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (เดิม) จะเหลือเพียงแค่การดูแลโครงการบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวระดับล่างที่อยู่ระหว่างดำเนินการเท่านั้น ประกอบด้วย กรีนโนวา รามอินทรา จำนวนกว่า 100 ยูนิต ราคา 2.2-2.3 ล้านบาท และบ้านพร้อมพัฒน์ พระราม 9 เหลือ จำนวน 70 ยูนิต ราคา 3.2 ล้านบาท ส่วนโครงการใหม่จะหยุดลงทุน เพราะบ้านแฝดไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากนัก ดังนั้น บริษัทแม่อย่างแสนสิริจึงได้เปิดตัวบริษัท พิวรรธนา จำกัด ขึ้นเพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวราคาระดับ3-5 ล้านบาท และจะเข้ามาดูแลโครงการแทนบริษัท พร้อมพัฒน์ฯในอนาคต
สำหรับยอดรับรู้รายได้ของปี 2551 ณ เดือนพ.ย.ที่มีตัวเลขสูงถึงเกือบ 16,000 ล้านบาท น้อยกว่าผู้นำตลาดอย่างบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ที่มียอดขายกว่า 16,000 ล้านบาท หรือน้อยกว่าเพียง 300-400 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 17,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ 17,000 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดขายที่รอโอนมากกว่า 10,000 ล้านบาท หรือ 65% โดยปัจจุบันกลุ่มแสนสิริมีโครงการอยู่ระหว่างพัฒนา 57โครงการ และจะเปิดโครงการใหม่ 16โครงการ มูลค่าขายรวม 20,700 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 7,600 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่า 7 ,600 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 7 โครงการ มูลค่า 5,500 ล้านบาท
สุริยา วรรณบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พิวรรธนา จำกัด บริษัทในเครือแสนสิริ กล่าวว่า หลังจากที่สำรวจตลาดพบว่าบ้านแฝดที่บริษัท พร้อมพัฒนฯ พัฒนานั้น เริ่มไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการจากลูกค้า เพราะด้วยราคาบ้าน พื้นที่ใช้สอย ซึ่งมีขนาดเกือบเท่ากับบ้านเดี่ยว ผู้บริโภคจึงหันมาซื้อบ้านเดี่ยวแทน อีกอย่างชื่อพร้อมพัฒน์ค่อนข้างโบราณ บริษัทแม่เลยมีแนวคิดที่จะตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ โดยเน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท
“เดิมพร้อมพัฒน์ฯฯพัฒนาโครงการแนวราบ ระดับกลาง-ล่างราคา 1.5-3 ล้านบาท แต่เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการพร้อมพัฒน์ฯหรือโครงการอื่นๆของบริษัทลูกในแสนสิริ ต่างคาดหวังการให้บริการหรือคุณภาพที่อยู่อาศัยในระดับเดียวกับแสนสิริ ด้วยเหตุนี้บริษัทแม่จึงต้องการที่จะแยกลักษณะของสินค้าและแบรนด์ออกให้ชัดเจน จึงเป็นที่มาของบริษัท พิวรรธนาที่มาพร้อมกับแบรนด์ ฮาบิเทีย” สุริยากล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ มีแผนพัฒนา 4 โครงการ โครงการแรกคือ ฮาบิเทีย ราชพฤกษ์ บนถนนสะพานนนทบุรี-บางบัวทอง (345) บนพื้นที่ 77 ไร่ จำนวน 364 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.15 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ส่วนอีก 3 โครงการ จะเปิดโครงการในไตรมาส 2 คือ โครงการทาวน์เฮาส์ อาจจะใช้แบรนด์ใหม่เพื่อแยกความชัดเจน ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณา ส่วนเป้าขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 800-900 ล้านบาท
|