|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"แบงก์นครหลวงไทย"ปรับเป้าสินเชื่อลงตามภาวะเศรษฐกิจ เหลือ 6-7 %ประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 8-9 % พร้องเดินหน้าเพิ่มเงินกองทุน เสริมฐานะแข็งแกร่งรองรับการขยายตัวของธุรกิจและบลาเซล2 คาดมีนาคมจะสรุปผลจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ถึงรูปแบบและจำนวนการเพิ่มเงินกองทุน วางเป้าดันบีไอเอส อยู่ที่ระดับ 13-14 % จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 11 % ปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้ารายย่อยเจาะกลุ่มอายุต่ำว่า 35 ปี เล็งผลิตภัณฑ์เงินฝาก นำล่อง
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายต่างในปีนี้ปรับลอลง โดยได้ตั้งเป้าหมายของการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจน่าจะชลอตัวลงกว่าปีที่ผ่านมา ขยายตัวประมาณ 0-2 % ส่งผลให้สินเชื่อของทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัวเพียง 4-5 % ดังนั้นธนาคารจึงต้องตั้งเป้าขยายสินเชื่อปีนี้ประมาณ 6-7 % หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท
ในช่วงเดือนกันยายน 2551 ที่ธนาคารได้ทำแผนปี 2552 ไว้ โดยใช้ปัจจัยการคาดการณ์ไว้ว่าอัตราการขยายตัวของประเทศไทยจะอยู่ที่ระดับ 3-3.8 % สินเชื่อของทั้งระบบจะขยายตัว 5-6 % ดังนั้นธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อประมาณ 8-9 % อย่างไรก็ตามการปรับแผนธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศ ที่ยังคงประสบปัญหาซับพลามและขยายวงกว้างไปทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยและภาคธุรกิจเอกชนจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและแผนการรองรับไว้
ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแผนธุรกิจตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์และมีความคล่องตัวสูง ในช่วงกลางปี 2551 ธนาคารได้ปรับระบบบริหารงานให้บริหารแบบเครือข่าย ซึ่งได้ผลอย่างมาก ส่งผลให้ผลปรกอบการดีเป็นก้าวกระโดด ทั้งสินเชื่อและเงินฝาก และในปีนี้ธนาคารยังคงปรับรูปแบบสาขาเพื่อให้ทันสมัย ตรงกับกลุ้มลูกค้า ซึ่งในต้นเดือนเมษายนนี้ จะมีโฉมใหม่ของธนาคารและของสาขา รวมทั้งมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 15 สาขา ซึ่งจะใช้งบประมาณในการปรับโฉมสาขาประมาณ 7-10 ล้านบาทต่อสาขา
นอกจากนี้ในกลุ่มลูกค้า ธนาคารจะเข้ามาศึกษาและเตรียมที่จะเจาะเข้าไปในลูกค้ากลุ่มอายุตั้งแต่ 20-35 % เพื่อมองว่าเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตของธุรกรรมมาก รวมทั้งยังเป็นฐานของการเติบโตในอนาคต ปัจจุบันธนาคารมีลูกค้าในกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป เกือบ 100 % ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาและเก็บข้อมูลในเชิงลึก เพื่อให้บริการและออกผลิตภัณฑ์ตอบสนองให้ตรงกลุ่มมากที่สุด โดยธนาคารจะเริ่มจากผลิตภัณฑ์ เงินฝาก และบริการธุรกรรมทันสมัย ซึ่งเชื่อว่าเมื่อลูกค้าหันมาใช้บริการดังกล่าว ความต้องการสินเชื่อก็จะเข้ามาเอง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อไปว่า ธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มเงินกองทุนในช่วงเดือนมีนาคม 2552 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและการใช้เกณฑ์บลาเซล 2 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มประกาศใช้แล้ว ซึ่งจะออกมาในรูปแบบใดนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และการพิจารณาของคณะกรรมการ โดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นที่จะขอวงเงินออกหุ้นกู้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถเข้ามาเพิ่มเงินกองทุนขึ้นที่ 2 ของธนาคารได้อีก จากปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนขึ้นที่ 2 อยู่เพียง 0.8 % ที่เหลือจะเป็นเงินกองทุนขึ้นที่ 1
จากการประกาสใช้เกณฑ์บลาเซล2 ส่งผลให้เงินกองทุนของธนาคารหายไปทันที่ 1-2 % ดังนั้นธนาคารจึงต้องเพิ่มเงินกองทุนรองรับ อีกทั้งแผนการขยายธุรกิจของธนาคารก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ธนาคารมีงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง บีไอเอส 11 % และมีแผนที่จะเพิ่มเงินกองทุนเพื่อให้บีไอเอสอยู่ที่ระดับ 13-14 % เพื่อความมั่นคงและแข็งแกร่งของธนาคาร
|
|
|
|
|