ซัลวาดอร์ อเมนโดลิโต (SALVATORE AMENDOLITO) ได้รับส่วนแบ่งนิดหน่อยในเครือข่ายพิซซ่า
(PIZZA CONNECTION) ซึ่งเป็นกิจการค้ายาเสพติดมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เขาพลิกแพลงให้เงินมาเฟียจำนวน 10 ล้านเหรียญกลายเป็นเงินสุจริตแล้วขยักส่วนร้อยละ
5 ของเขาเอาไว้ตามระเบียบ เมื่อถูกจับกุมอเมนโดลิโตให้การสารภาพ เจ้าพ่อของเขาเกิดไม่สบอารมณ์
เงินที่ซัลวาดอร์ อเมนโดลิโตรับไปแปลงสภาพให้มาเฟียถูกส่งมาในกระเป๋าหนังที่วางไว้ตามหัวมุมถนน
และในกล่องของชำจากภัตตาคาร กระเป๋าหนังใบหนึ่งที่เขาไปรับจากหัวถนนสายเปลี่ยวแถวย่านควีนส์
(QUEENS) ในนิวยอร์กซิตี้ (NEW YORK CITY) บรรจุธนบัตรใบย่อยจำนวนกว่า 1
ล้านดอลลาร์ เงินซึ่งเป็นที่ยอมรับของธนาคารและสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกหลายแห่ง
เมอร์ริลล์ ลินซ์ (MERRILL LYNCH) และ อี. เอฟ. ฮัตตัน (E.F. HUTTON) แห่งวอลล์สตรีท
(WALL STREET) เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วยโดยไม่เจตนา
ธนบัตรรัดรวมกันเป็นปึกคือผลกำไรจากกิจการซึ่งคงทำรายได้งามที่สุดของโลกธุรกิจค้ายาเสพติดของเหล่ามาเฟีย
กระเป๋าใส่เงิน 1 ล้านดอลลาร์ที่ซัลวาดอร์ อเมนโดลิโตรับมาเป็นเพียงเศษเล็กน้อยจากจำนวนทั้งสิ้น
1.6 พันล้านดอลลาร์ของเครือข่ายมาเฟียซิซิเลี่ยนและอเมริกันซึ่งรู้จักกันในนาม
"เครือข่ายพิซซ่า"
บุรุษร่างเตี้ยล่ำ ผมเกรียน นัยน์ตาเล็กรี ผู้ส่งกระเป๋าหนังมาวางรอเขานั้นคือซัลวาดอร์
คาตาลาโน (SALVATORE CATALANO) บุคคลนี้เป็นที่รู้จักในฉายา "โตโต้"
(TOTO) และเบเคอร์ (THE BAKER) ด้วย คาตาลาโนคือหัวหน้ามาเฟียซิซิเลียนผู้อำมหิตยิ่ง
ซึ่งวางตนราวกับเอกอัครราชทูตแห่งนิวยอร์กในหมู่องค์การมาเฟียของซิซิลีและสหรัฐอเมริกา
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นกับอเมโดลิโตที่อิตาลีในปี ค.ศ. 1980 ถึงจะอพยพเข้ามาอยู่ในสหรัฐอเมริกาแล้วก็เป็นอาติเลียนโดยกำเนิด
และเป็นผู้นำในโบสถ์นิกายมอร์มอนแห่งอิตาลี ดำรงตำแหน่งถึงขั้นบิชอป เมื่อมาถึงยังสหรัฐอเมริกาเขากลับเบนเข็มไปประกอบธุรกิจค้าปลาระดับข้ามชาติ
แม้ว่าจะไม่น่าเป็นไปได้กิจการนี้ก็ข้องเกี่ยวกับการขนส่งปลาแช่แข็งไปทางอากาศจากนิวยอร์กซิตี้สู่อิตาลีและกรีซ
ทางอิตาลีเขามีหุ้นส่วนหนึ่งคือซัลวาดอร์ มินิอาตี (SALVATORE MINIATI) ซึ่งดำเนินกิจการบริษัทการเงินชื่อฟินาเกต์
(FINAGEST)
บริษัทฟินาเกต์ชำนาญเป็นพิเศษในบริการรับถ่ายโอนเงินตราจากเศรษฐีอิตาเลียนไปยังประเทศข้างเคียงที่มั่นคงอย่างเช่นธนาคารสวิส
เมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 1980 มินิอาติโทรศัพท์ไปขอร้องอเมนโดลิโตที่นิวเจอร์ซี
ให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนเงินมาจากนิวยอร์ก ลูกค้ารายนี้คือเศรษฐีอิตาเลียนหนุ่มผู้พำนักในซิซิลีนามว่าโอลิวิเอโร
ทักโนลี (OLIVERO TOGNOLI) บุตรของนักธุรกิจซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปคือ
ลูซิอาโน ทักโนลี (LUCIANO TOGNOLI) กิจการของตระกูลนี้ไดแก่โรงงานเหล็กเบรสเซีย
(BRESCIA IRON) และอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ผลประโยชน์ของตระกูลมีกระจายอยู่ทั่วจากอิตาลีไปจนถึงแอฟริกาและเวเนซุเอเลา
ทักโนลีดำเนินกิจการสาขาในซิซิลี ได้แก่ เฟอร์เรีย แอคเซียรี ซุด (FERRIERE
ACCIAIERTE SUD) อเมโดลิโตเกิดสนใจเนื่องจากธุรกิจค้าปลาของเขาไม่ได้รุ่งเรืองอะไรนัก
เขาจึงติดต่อไปที่ทักโนลี เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ของตระกูลนี้ ซึ่งมีชื่อเสียงน่าประทับใจ
"ทักโนลีบอกว่าเขามีลูกค้ารายหนึ่งในอิตาลี" อเมนโดลิโตเล่า
"เขาต้องการเงินทุน 9 ล้านดอลลาร์ไปสร้างโรงแรมแล้วเขายังลงทุนทำร้านขายพิซซ่าหลายแห่งในอเมริกาด้วย"
ทักโนลีอธิบายว่าต้องการเงินกู้สนับสนุนโครงการ และเมื่อโครงการลุล่วงสมบูรณ์แล้วก็จะชำระเงินคืนแก่แหล่งเงินทุนในซิซิลี
ปัญหาทางการเงินเช่นนี้ฟังดูแปลก ๆ สำหรับคนทั่วไป อเมนโดลิโตอ้างว่าเขาถามอเมนโดลิโตแล้วว่า
ทำไมแหล่งเงินทุนในอเมริกาจึงไม่อาจดำเนินการโอนเงินเองได้" เขาตอบผมว่า
"ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะว่ามันเป็นเงินสด และในกรณีที่เป็นเงินสดแล้ว
พวกนั้นต้องทำรายงานเสนอ IRS (INTERNAL REVENUE SERVICE) ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการจะทำ"
อเมนโดลิโตเข้ามาอยู่ในวงธุรกิจประเภทที่ห้ามตั้งคำถามมากเกินไปเสียแล้ว
เขายอมรับข้อเสนอนั้น ส่วนข้อตกลงน่ะหรือ ค่าป่วยการร้อยละ 1 - คิดเป็นเงินสด
9 หมื่นดอลลาร์สำหรับการยักย้ายเงินก้อนนั้น แล้วอเมนโดลิโตก็ได้รับหมายเลขโทรศัพท์ของภัตตาคารแห่งหนึ่งในนิวเจอร์ซี
ชื่อภัตตาคารโรมา (ROMA RESTAURANT) เจ้าของคือ แฟรงค์ คัสโตรโนโว (FRANK
CASTRONOVO) ทั้งสองเข้ากันได้ดี ดื่มกาแฟด้วยกัน สนทนากันเป็นภาษาอิตาเลียน
อเมนโดลิโตใจจดใจจ่อจะขยายแผนการถ่ายโอนเงินที่เขาวางเอาไว้ เขาบอกคัสโตรโนโวว่า
เขาวางแผนจะหลบเร้นตัวให้ปลอดจากการตรวจสอบของ IRS โดยการแลกเงินสดเป็นเช็คของธนาคารรัฐบาลในวงเงินไม่เกิน
1 หมื่นดอลลาร์ (เรียกกันว่า "แคชเชียร์เช็ค" ซึ่งเทียบได้กับดราฟท์ของธนาคาร
วงเงิน 1 หมื่นดอลลาร์เป็นอัตราที่กำหนดไว้สำหรับการโอนย้ายเงินที่ไม่ต้องเปิดเผยต่อ
INTERNAL REVENUE SERVICE)
แล้วแคชเชียร์เช็คที่แลกมาก็จะถูกส่งเข้าบัญชีเงินฝากตามธนาคารต่าง ๆ และโยงใยไปสู่บัญชีเงินในสวิส
ตามรายละเอียดของทักโนลีจากอิตาลีต่อไป คัสโตรโนโวตอบมาว่า "ก็ดีหรอก
แต่ผมไม่ได้สนใจขั้นตอนทั้งหลายนั่นหรอก เพราะผมอยากจะรู้แค่ว่าคุณเอาเงินไปแล้ว
และพวกนั้นเขาจะแจ้งผมมาจากอิตาลีทีหลังเองว่า เขาได้รับเงินเรียบร้อย เมื่อทุกอย่างสำเร็จไปแล้ว"
อีก 8 สัปดาห์ต่อมา คัสโตรโนโวส่งเงินจำนวนกว่า 3,490,000 ดอลลาร์มาให้
เงินก้อนนี้อัดไว้ในกล่องกระดาษแช่แข็งที่ใช้ใส่เหล้า ขนมาไว้ในรถสเตชั่นวากอนของอเมนโดลิโตที่จอดรอแถวคลังสินค้าข้าง
ๆ ภัตตาคารโรมา อเมนโดลิโตตระหนักในฉับพลันนั้นว่า เงินจำนวนนี้มหาศาลเกินกว่าจะฉ้อฉลขนย้ายให้หมดโดยการแลกเป็นแคชเชียร์เช็คได้
ตามที่ผู้ช่วยอัยการผู้รับผิดชอบฟ้องคดีนี้กล่าวในกาลต่อมาว่า "เขาไม่มีเวลาพอในวันนั้น
หรือไม่เช่นนั้นก็ไม่มีธนาคารนิวยอร์กมากแห่งพอ…"
อเมนโดลิโตจึงเปลี่ยนวิธีการ เขาย้ายเงินมาใส่กระเป๋าหนังของเขา จองตั๋วเที่ยวบินพาณิชย์สำหรับตัวเอง
แล้วหิ้วเงินสดไปยังเมืองนัสเซา (NASSAU) ในบาฮามาส์ เขาเข้าพบนายธนาคารผู้ให้ความสะดวกยิ่งคนหนึ่ง
คือ ปีเตอร์ อัลบิสเซอร์ (PETER ALBISSOR) ซึ่งเป็นผู้จัดการอยู่ที่ BSI
(BANCA SWIZZERA ITALIANA) การดำเนินงานที่บาฮามาส์เป็นไปอย่างคล่องตัว ขั้นตอนต่อจากที่นัสเซาก็คือการจัดการโอนข้ามเครือข่ายไปยังธนาคารผู้รับในสวิตเซอร์แลนด์
เงินก้อนนี้ถูกส่งถึง BSI ในเมืองเมนดริซิโอ (MENDRISIO) เข้าบัญชีหมายเลข
27971 ชื่อบัญชี "สเตฟาเนีย" (STEFANIA) และส่งถึงเครดิทซุยส์
(CREDIT SUISSE) ในเบลลินโซนา (BELLINZONA) บัญชีหมายเลข 871 ชื่อบัญชี "สมาร์ท"
(SMART)
พอกลับจากบาฮามาส์ อเมนโดลิโตก็ได้รับโทรศัพท์จากมินิอาตีในมิลานอีกครั้ง
คราวนี้เขาแนะนำให้อเมนโดลิโตติดต่อกับบุคคลผู้ไม่อาจเผยนามทางโทรศัพท์ได้
อเมนโดลิโตได้หมายเลขโทรศัพท์ของร้านแต่งผมในย่านควีนส์ ขั้นตอนปฏิบัติก็เพียงหมุนเลขหมายนั้น
ถามหาชื่อ "ซัล" (SAL) ซึ่งตามปรกติไม่ได้พักอยู่ที่นั่น แต่จะโทรศัพท์เรียกกลับมา
การนัดหมายถูกกำหนดขึ้น ซัลผู้มาพร้อมด้วยผู้คุ้มกันจะส่งมอบกระเป๋าหนังบรรจุเงิน
1.54 ล้านดอลลาร์ ณ หัวถนนย่านควีนส์ อเมนโดลิโตไม่ค่อยพึงใจกับการติดต่อกันตามมุมถนนนัก
เขาอุทธรณ์ต่อทักโนลีที่อิตาลี แต่ทักโนลีก็ทำให้เขาอุ่นใจและยืนยันว่า ซัลเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้อย่างยิ่ง
ธุรกิจดำเนินไปราบรื่นดีจนซัลวาดอร์ อเมนโดลิโตตัดสินใจเลิกกิจการค้าปลาไปเสีย
แล้วเปลี่ยนมาดำเนินงานให้คำปรึกษาด้านการเงินข้ามชาติอย่างเต็มตัว เขาตั้งบริษัท
OBS (OVERSEAS BUSINESS SERVICES) ณ ทำเลเข้าทีที่ 575 ถนนเมดิสัน บริการของเขาเป็นที่ชื่นชอบกันในอิตาลีด้วย
เขาได้รับคำเชิญจากโอลิวิเอโร ทักโนลีให้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองสังสรรค์ที่ซิซิลี
เปิดแชมเปญฉลองกันที่ภัตตาคารริมน้ำในปาเลอโม (PALERMO) อเมนโดลิโตได้รับการปรนเปรอในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติคนหนึ่ง
มีแขกแต่งกายโอ่อ่านั่งอยู่เต็มที่โต๊ะ 2 ตัว ในหมู่บุคคลเหล่านั้นมีเศรษฐีชาวซิซิเลียนนาม
ลีโอนาร์โด เกรโค (LEONARDO GRECO) ผู้มีบทบาทอยู่ในวงการธุรกิจเหล็กกล้าเช่นกัน
อเมนโดลิโตเข้ากับเกรโคได้ดี เกรโคเอ่ยเป็นนัยว่าตัวเขาอาจมีปัญหาบางประการเกี่ยวกับวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา
อเมนโดลิโตก็ไวพอที่จะให้ความมั่นใจแก่เขาและเสนอตัวช่วยเหลือไม่ว่ากรณีใดที่ตนพอทำให้ได้ในอเมริกา
นั่นเป็นการติดต่อสัมพันธ์ที่ไปได้สวยทีเดียว ลีโอนาร์โด เกรโคเป็นหนึ่งในมาเฟียระดับนำที่ทรงอำนาจที่สุดในซิซิลี
เกรโคผู้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มบาเกเรีย (BAGHERIA FAMILY) มีโยงใยสัมพันธ์กับพรรคคริสเตียนเดโมแครทในอิตาลี
กับนักการเงิน ตลอดจนนักธุรกิจท้องถิ่น เขาร่วมผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่กับทักโนลีหลายอย่าง
รวมทั้งคลังสินค้าประเภทเหล็ก แต่ว่าธุรกิจส่วนที่ทำกำไรท่วมท้นที่สุดได้แก่การค้าเฮโรอีน
เกรโคควบคุมการจัดหาวัตถุดิบมอร์ฟีนที่ส่งมาทางเรือจากตุรกี และคุมห้องปฏิบัติการสังเคราะห์ลับ
ซึ่งหลายแห่งอยู่ที่บาเกเรีย ห่างออกไปจากปาเลอโมไม่กี่ไมล์
ทันทีที่กลับจากซิซิลี อเมนโดลิโตก็แจ้งแก่ทักโนลีว่า เขาขอขึ้นค่าป่วยการเป็นร้อยละ
5 เนื่องจากความเสี่ยงภัย การหมุนเงินไม่ทัน ค่าธรรมเนียมการนับเงินสำหรับธนาคาร
และค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองอื่น ๆ ทักโนลียอมตกลง และกำชับอเมนโดลิโตว่าเขาต้องรับผิดชอบการรับส่งเงินในโอกาสต่อ
ๆ ไปให้ดี แล้วทักโนลีก็จากไปยังเวเนซุเอลา
ถึงอเมนโดลิโตจะยอมรับว่า ขณะนี้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ เขาก็ยังยืนยันในความคิดที่ว่า
เงินพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการหลบเลี่ยงภาษี เขาอ้างว่าตนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า
เงินที่ได้รับมอบมาดำเนินการเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของกิจการค้าในเครือของร้านขายพิซซ่า
เรื่องสารพัดล้วนถูกกุขึ้นได้ตามประสานักพลิกผันเงิน เพื่อสนันสนุนข้ออ้างว่าพวกเขามีเจตนาสุจริต
เขาคิดไม่ถึงว่าเงินเหล่านี้มีส่วนพัวพันกับยาเสพติด เจ้าหน้าที่สอบสวนรับฟังข้อแก้ตัวทำนองนี้กันจนเบื่อแล้ว
และไม่นึกจะเชื่อถือเอาเลย แต่ยากจะพิสูจน์ให้เป็นอื่นไปได้ แม้อัยการจะสามารถตั้งข้อกล่าวหานักพลิกแพลงเงินพวกนี้ว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจเต็มที่ได้
แต่การหาหลักฐานสำคัญ ๆ มายืนยันนั้นลำบากมาก ทั้งที่รู้แก่ใจว่าบุคคลเหล่านั้นล้วนรู้แหล่งที่มาของเงินกันอยู่เต็มอก
อเมนโดลิโตเริ่มใช้ OBS เป็นรากฐานในการปรับปรุงธุรกิจยักย้ายเงินให้มีระเบียบแบบแผน
เขาจ้างผู้คุ้มกันและคนขับรถ จัดซื้อตู้นิรภัยและสัญญาณกันขโมยมาใช้ประจำสำนักงาน
รวมทั้งเครื่องนับเงินอัตโนมัติด้วย เขาเปิดบัญชีเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่งในเบอร์มิวด้าที่ธนาคารเบอร์มิวดา
(BANK OF BERMUDA) ธนาคารบัตเตอร์ฟิลด์ (BANK OF BUTTERFIELD) และธนาคารบาร์เคลย์
(BANK OF BARCLAYS) ส่วนในบาฮามาส์เขาใช้บริการของธนาคารโนวาสโกเตีย (BANK
OF NOVA SCOTIA) ธนาคารรอยัลออฟแคนาดา (ROYAL BANK OF CANADA) และธนาคารบาร์คเลย์ทุกธนาคารตั้งอยู่ที่เมืองนัสเซา
ครั้งเดียวที่เขาเริ่มวิตกก็คือ คราวที่เขาหยุดแวะที่สนามบิน เพื่อเตรียมที่จะขึ้นเครื่องไปยังบาฮามาส์
เขาถูกขอให้กรอกแบบฟอร์มการเคลื่อนย้ายเงินจำนวน 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งเขาจำต้องทำโดยไม่อาจเลี่ยงได้
อเมนโดลิโตเปลี่ยนแผนอีกครั้ง ทีนี้เขาเช่าเครื่องไอพ่นเลียร์ (LEAR)
ธนาคารในเบอร์มิวด้าอำนวยความสะดวกอย่างยิ่ง ขนาดธนาคารบัตเตอร์ฟิลด์ถึงกับจัดตู้นิรภัยมารับขนเงินจากสนามบินตรงไปยังห้องเก็บเงินของธนาคารที่ตำบลแฮมิลตัน
แต่สถานการณ์ในบาฮามาส์กลับไม่ชอบมาพากล อเมนโดลิโตกล่าวว่าตัวเขาต้องตะลึงเมื่อประสบกับการฉ้อโกงที่นั่น
พนักงานรับจ่ายเงินจงใจนับธนบัตรผิดพลาดและเจตนาเม้มเงินเข้ากระเป๋าตัวในขั้นตอนนั้นเอง
การขยายงานออกไปในวงกว้างย่อมเกินกำลังผู้ดำเนินการโดยลำพัง ทางเดียวที่จะขจัดความบกพร่องเช่นนี้ได้ก็คือ
ต้องหาผู้คุมระดับท้องถิ่น เมื่อแวะไปที่บาฮามาส์คราวหนึ่ง อเมนโดลิโตมีโอกาสรู้จักกับเดห์ตัน
เอ๊ดเวิร์ด (DEIGHTON EDWARDS) เจ้าของบริษัทนิวโพรวิเดนซ์ฟิชคอมพานี แอนด์ไอซ์แลนด์ซีฟู้ดส์
(NEW PROVIDENCE FISH COMPANY AND ISLAND SEAFOODS) คนผู้นี้รับรองจะให้การคุ้มครองดูแลงานโดยรัดกุม
ทั้งยังเสนอลู่ทางโกยเงินให้มากกว่าเดิมโดยลงทุนในกิจการประมง อเมนโดลิโตร่วมหุ้นไปเป็นเงิน
2 แสน 5 หมื่นดอลลาร์ ปัญหาประการเดียวก็คือ เงินนั้นเป็นเงินของโอลิวิเอโร
ทักโนลี ซึ่งเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์แทนกลุ่มมาเฟียซิซิเลียน และอเมนโดลิโตไม่เคยได้เงินก้อนนั้นกลับคืนมาอีกเลย
อเมนโดลิโตเองก็อยู่ระหว่างวางโครงการส่วนตัว ตั้งบริษัทชื่ออิตาเลียพรีเซนต้า
(ITALIA PRESENTA) ดำเนินกิจการในฐานะบริษัทส่งออกอาหาร ของที่ระลึก และผลิตภัณฑ์ใหม่
ๆ จากอิตาลีไปโดยรอบชายฝั่งทะเลคาริบเบียน โดยเริ่มต้นจากเขตการค้าเสรีที่ไมอามี่
ตามทรรศนะของอเมนโดลิโตแล้วกิจการนี้จะเป็น "การริเริ่มอันสำคัญในวงอุตสาหกรรมอิตาเลียน
ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการส่งออกไปยังทั่วทุกมุมโลก"
ผู้สนับสนุนด้านการเงินโดยไม่ได้ตั้งใจอีกวาระหนึ่งได้แก่ทักโนลี และที่สุดก็คือหัวหน้ามาเฟีย-ลีโอนาร์โด
เกรโค นั่นเอง เมื่อการจ่ายและยักย้ายโอนเงินซบเซาลงไป โอลิวิเอโร ทักโนลีก็เริ่มวิตก
อเมนโดลิโตเป็นบุคคลผู้สามารถเจรจาปกป้องผลประโยชน์ส่วนตัวไว้ได้อย่างไม่เคอะเขินในทุกสถานการณ์
บุคลิกภายนอกของเขาผสานลวงตาไว้ด้วยความมีเสน่ห์ ความซื่อ และความเจนจัด
เขาจำเป็นต้องใช้คุณสมบัติเหล่านี้ทุกอณูไปเจรจาเอาตัวรอดจากสภาพการณ์ขณะนั้นให้ได้
เขายักย้ายถ่ายเทเงินจากทักโนลีด้วยข้อแก้ตัวต่าง ๆ นานามานานเป็นแรมเดือน-กินเวลาไม่น้อยไปกว่าช่วงที่เขาคาดการณ์พลาดไปในการดำเนินธุรกิจของบริษัทอิตาเลียนพรีเซนต้า
เขารบเร้าทักโนลีและหมู่สมาคมในซิซิลีให้ร่วมลงทุนในบริษัทนี้ด้วยโดยไม่เลิกรา
ต่อมาเขาได้รับแจ้งว่า เขาต้องไปร่วมพบปะสังสรรค์ในซิซิลีอีกวาระหนึ่ง
คราวนี้ไม่มีภัตตาคารหรูหรา ไม่มีการเลี้ยงไวน์อเมนโดลิโตติดหนี้มาเฟียซิซิเลียนอยู่
5 แสนดอลลาร์ และพวกนั้นจะเอาคืน หุ้นส่วนคนก่อนของเขาคือมินิอาตีเริ่มสูญความมั่นใจ
อเมนโดลิโตจำได้ว่า "ผมกับมินิอาติตกใจมาก เขาลงความเห็นว่าผมถูกพิพากษาถึงตายแล้ว
พวกนั้นต้องกำจัดผมแน่"
โอลิวิเอโร ทักโนลีก็ตื่นกลัวเช่นกัน เขาเกรี้ยวกราดอย่างเดือดดาลตอนที่อเมนโดลิโตคุยด้วยทางโทรศัพท์
พอพบกันนักอุตสาหกรรมชาวอิตาเลียนก็ค่อยเย็นลงบ้าง เขาสงบลงไปก็จริง แต่อเมนโดลิโตสังเกตเห็นว่าเขาตัวสั่นด้วยความพรั่นพรึง
ขณะที่กำลังถกเถียงกันเรื่องการโอนเงินไปยังซิซิลี ทักโนลีก็เอ่ยขึ้นว่า
"คุณจะใช้เงินคืนเมื่อไหร่"
"ฟังนะ" อเมนโดลิโตตอบโต้ "ผมไม่มีเงิน นี่เป็นปัญหาของผมเอง
ไม่ใช่ของคุณ คอคุณไม่ได้พาดคาเขียงหรอก พวกนั้นเขาพร้อมจะเจรจาเรื่องบริษัทอิตาเลียพรีเซนต้าของผมหรือยังล่ะ"
"พร้อมล่ะมั้ง" ทักโนลีว่า "พวกเขาเป็นผู้ตรวจสอบนะ แต่ก็อยากได้เงินด้วย"
"อย่าห่วงไปเลย" อเมนโดลิโตกล่าว เขายอมรับว่าตัวเองก็เริ่มรู้สึกหวั่นกลัวจริง
ๆ ขึ้นมาแล้ว เขาเล่าย้อนไปถึงการพบปะในซิซิลีครั้งนั้น
"มีคนมารับผมไป ขึ้นรถคันแล้วคันเล่า เราเปลี่ยนรถกันหลายคราว ไปที่กระท่อมปิดหน้าต่างมิดชิด
คนแรกที่ไปถึงคือลีโอนาร์โด เกรโค ผมมองเขาแล้วรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนน่ากลัวอะไร
เขายิ้มให้-ดูเป็นคนน่าคบ ทันใดหลังจากที่เขาไปถึง "เจ้านาย" ก็มา
เขาเป็นคนร่างเล็กกว่า ดูมีเค้าสเปน ผมถูกแนะนำให้รู้จักเขา แล้วผมก็เริ่มต้นเจรจา
ส่วนใหญ่ก็พูดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อปูทางสำหรับ "การนัดพบทางธุรกิจ"
ผมบอกพวกเขาว่า
"ฟังผมหน่อย ผมรู้ว่าการพบปะคราวนี้มีเรื่องสำคัญ 2 ประเด็น เรามาพูดถึงกิจการในไมอามี่กันก่อนเถอะ
นี่เป็นโอกาสทองของคนอย่างพวกคุณ ซึ่งต้องการจะเข้ามาคุมวงการเงินเอาไว้"
เจ้าพ่อมาเฟียตื่นตัวอยู่แล้วเพราะรู้จากทักโนลีว่าสหายจากสหรัฐอเมริกาคนนี้กำลังตั้งบริษัทอิตาเลียพรีเซนต้า
ดำเนินธุรกิจในเขตการค้าเสรีที่ไมอามี่ อเมนโดลิโตมีแผนอยู่แล้ว "ผมปล่อยให้พวกนั้นเชื่อว่าทุกอย่างจะจัดการให้เรียบร้อยได้
พวกเขากระตือรือร้นกันมาก ออกปากว่า "เราจะเริ่มกันได้เมื่อไหร่ล่ะ"
ความกระตือรือร้นที่จะทำธุรกิจส่งออกสินค้าไปยังไมอามี่ของพวกมาเฟีย ไม่ได้ทำให้ความใส่ใจในเรื่องเงินที่สูญไปลดน้อยลงเลย
อเมนโดลิโตเอ่ยถึงประเด็นนี้ขึ้นมา
"อย่างนี้นะ มีหนี้สินอยู่ 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเช็คที่ไม่มีเงินในบัญชี
อีกส่วนเป็นเงินสด 5 แสนดอลลาร์" อเมนโดลิโตก็ให้อรรถาธิบายยืดยาวว่าเขาถูกเชือดยับเยินอย่างไรในบาฮามาส์
"นายเอ็ดเวิร์ดนั่นเป็นเรื่องของคุณ" เกรโคตอบกลับ "เราต้องการเงินส่วนของเราคืนมา"
แล้วอเมนโดลิโตก็ถูกทวงถามถึงบัญชีเงินอีก 1 แสนดอลลาร์ที่ล่องหนไประหว่างผู้ส่งเงินกับผู้รับ
คือ กลุ่มผู้ค้าขนสัตว์ในเนเปิลส์ อเมนโดลิโตพูดเอาตัวรอดตามแบบของเขาได้สำเร็จอีกหน
เขาโทษความสับสนระหว่างกล่องเงินสด 2 กล่องที่คัสโตรโนโวเอาไปปนกันจนสับสน
"ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไปไหน เคราะห์ดีที่คัสโตรโนโวส่งคืนมาให้ผม"
อเมนโดลิโตกล่าวต่อไปว่า "เจ้าพ่อมาเฟียเหลือบมองอีก 2 คนนั้น เป็นเชิงว่า
ทำไมต้องเอาเรื่องพรรณนี้มากวนใจเขาด้วยนะ ผมว่าเขาเป็นคนเข้าท่า แล้วผมก็ออกมา
บรรยากาศมีแต่รอยยิ้มและมิตรภาพ"
บรรยากาศในกระท่อมฝุ่นเขรอะในท้องถิ่นห่างไกลแถวชนบทซิซิลีผ่อนคลายไป เกรโครแสดงความสนใจในบริษัทอิตาเลียพรีเซนต้าออกมานอกหน้า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาดีดลูกคิดในสมองเรียบร้อยแล้วว่ากิจการนี้จะครอบคลุมเส้นทางเดินเรือหลัก
ๆ ที่ใช้ขนถ่ายยาเสพติดได้ ตอนที่ทักโนลีกับอเมนโดลิโตกำลังจะออกจากกระท่อมเกรโครก็เรียกทักโนลีกลับเข้าไปอีก
"บอกซัลวาดอร์ให้ลืมเรื่องเงิน 1 แสนดอลลาร์นั่นไปเถอะ เราผิดพลาดกันเองแหละ"
อเมนโดลิโตกลับมายังสหรัฐอเมริกาโดยไม่เฉลียวใจเลยว่า ตอนนี้ FBI และศุลการักษ์อเมริกันกำลังตามรอยเขาอยู่
เขาโดนจับกุมที่นิวออร์ลีนส์ เมื่อ ไมค์ เฟย์ (MIKE FAHY) ตัวแทนผู้ตรวจการศุลกากรอเมริกันในแมนฮัตตันรู้ข่าวก็บินตรงมาพบเขา
อเมนโดลิโตถูกตั้งข้อหาว่ากระทำการเป็นภัยต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แต่เขายังต้องเผชิญข้อกล่าวหาที่รุนแรงยิ่งกว่านั้นอีก
ได้แก่การพลิกแพลงยักย้ายเงินในขบวนการค้ายาเสพติด หลังจากรอดตัวพ้นพวกมาเฟียมาได้
บัดนี้เขาต้องเผชิญหายนะคือมีโอกาสถูกตัดสินจำคุกระยะยาว เขาจึงยื่นข้อเสนอ
เขาตกลงใจให้การเป็นพยาน และกลายเป็นพยานปากสำคัญที่สุดของฝ่ายรัฐในคดีถ่ายโอนเงินล้าน
ซึ่งเป็นหลักฐานรายละเอียดของการเปิดโปงเครือข่ายพิซซ่า
ขณะที่ร่างแหกำลังโรยตัวลงตะครุบนักค้าเฮโรอีนและนักพลิกแพลงเงิน เจ้าหน้าที่สอบสวนของรัฐก็ให้รู้สึกขุ่นใจอย่างยิ่งเมื่อพบว่าธนาคารสวิส
ให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันเสียยิ่งกว่าสถาบันการเงินหลายแห่งในอเมริกาเองเสียอีก
FBI ขอร้องให้ทั้งเมอร์ริล ลินช์และอีเอฟ ฮัตตัน งดการแถลงข่าวตามธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการสอบสวนของทางราชการเอาไว้ก่อน
เมอร์ริล ลินช์ตกลง แต่อีเอฟ ฮัตตันไม่ยอม เจ้าหน้าที่สอบสวนคนหนึ่งยอมรับว่า
"มันก็อยู่ในดุลพินิจของเขาที่จะทำได้ตามกฎหมาย" ในสถานการณ์นี้ดูเหมือนการเปิดเผยของฮัตตันไม่ได้มีผลกระทบกระเทือนการสอบสวนแต่อย่างใด
พวกมาเฟียดูจะถือเอาความใส่ใจของ FBI เพียงเสมือนอุปสรรคธรรมดาสามัญในงานอาชีพเท่านั้นเอง
พวกเขายังคงดำเนินธุรกิจการค้าต่อไปเรื่อย
ทุกวันนี้ ซัลวาดอร์ อเมนโดลิโตมีชื่อสมมุติ เขาไม่ได้ใส่รองเท้าหนังจระเข้
สวมสร้อยทองคำ หรือภูมิฐานอยู่ในสูทชุดหรูอีกแล้ว เขาต้องระวังไม่วางตัวให้เป็นที่สนใจ
เขาดำรงชีวิตอยู่ในโลกแคบ ๆ พักตามห้องพักโรงแรมไร้ชื่อ ใช้ชื่อเท็จ แต่เขาก็ยังคงเป็นคนมองโลกในแง่ดีอย่างแก้ไม่หาย
ต้นฤดูร้อนพวกผู้นำเครือข่ายพิซซ่าจะถูกพิพากษาตัดสินแล้ว บัดนี้คณะบุคคลผู้แลกเปลี่ยนเฮโรอีนกับกระเป๋าหนังและกล่องกระดาษแข็งบรรจุเงินนับล้านดอลลาร์
กำลังจะถูกขังรับโทษระยะยาวอยู่ในอเมริกาและอาตาลี