เพราะเสน่ห์ดึงดูดใจของรายได้งาม ๆ สำหรับอาชีพนักบริหาร ทำให้แนวโน้มการสมัครเข้าเรียนเอ็มบีเอพุ่งขึ้นสูงถึง
10-20% ในปีนี้ และในปีที่ผ่านมามีผู้จบเอ็มบีเอถึง 70,000 คนในมหาวิทยาลัยประมาณ
600 แห่งทั่วสหรัฐฯ แต่ก็มีเพียงสถาบันที่ได้รับการรับรองจาก AMERICAN ASSEMBLY
OF COLLEGIATE SCHOOL OF BUSINESS (AACSB) เพียงจำนวนหนึ่งในสามเท่านั้น
ที่เหลือส่วนใหญ่จะได้รับการรับรองระดับภูมิภาค
ทุกวันนี้สถาบันบริหารธุรกิจทั้งหลายต้องเผชิญหน้ากับภาระอันหนักหน่วงที่จะผลิตบุคลากรที่สามารถ,
ผู้นำทางธุรกิจที่โดดเด่น และการสั่งสมจรรยาบรรณทางธุรกิจเพื่อตระเตรียมผู้นำให้กับโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันชิงดีชิงเด่น
อันดับ 1…สแตนฟอร์ด
หัวใจสำคัญที่ทำให้ STANFORD'S GRADUATE SCHOOL OF BUSINESS ได้รับเลือกเป็นอันดับ
1 ของสถาบันบริหารธุรกิจแห่งสหรัฐฯ คือ "สมดุลและกว้างไกล" หลักสูตรของสแตนฟอร์ดมีลักษณะที่ได้สมดุลของแนวทางการเรียนการสอนสองรูปแบบคือ
อย่างแรกการใช้วิธีกรณีศึกษา (CASE-STUDY) แบบดั้งเดิมที่สร้างชื่อเสียงให้
กับวิธีที่สองคือให้นักศึกษามีความรู้หนักแน่นเชิงทฤษฎีที่เน้นวิชาเศรษฐศาสตร์
สถิติและบัญชี นอกจากนั้นสแตนฟอร์ดยังพิถีพิถันกับการคัดเลือกนักศึกษาที่มีประสบการณ์ทำงานและอาชีพหลากหลายกัน
เพื่อให้ผู้ที่จบเอ็มบีเอที่นี่มีความสมบูรณ์ทั้งวิชาการและสังคมมากที่สุด
ดังเช่นนี้ ANDRE HIDI นักศึกษาสแตนฟอร์ดปีที่สอง อดีตเคยเป็นนักฮอคกี้อาชีพอยู่กับทีม
WASHINGTON CAPITALS กล่าวว่า "เพื่อน ๆ ที่นี่มีประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก
เราได้เรียนรู้จากเพื่อนร่วมชั้นมากพอ ๆ กับที่ได้ความรู้จากชั้นเรียนทีเดียว"
นอกจากนั้นสถาบันบริหารธุรกิจที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ยังได้รับยกย่องว่า ผลงานวิจัยที่ผลิตออกมามีคุณภาพระดับชาติ
รวมทั้งวิธีการสอนที่ทำให้นักศึกษาซึมซาบแนวความคิดใหม่ ๆ ด้วย
ฮาร์วาร์ดครองอันดับ 2
ความจริง HARVARD'S BUSINESS SCHOOL มีจำนวนนักศึกษามากกว่าสแตนฟอร์ดถึงสองเท่า
และถ้าคิดถึงจำนวนศิษย์เก่าของฮาร์วาร์ดที่ขึ้นมาเป็นระดับผู้บริหารธุรกิจใหญ่
ๆ ด้วย คงไม่มีสถาบันบริหารธุรกิจไหนทาบติดได้ การเรียนการสอนของฮาร์วาร์ดเป็นต้นตำรับของการใช้กรณีศึกษา
คะแนนนักศึกษาปีหนึ่งส่วนใหญ่จะได้จากการทำ CASE STUDY โดยให้นักศึกษาได้วิเคราะห์ปัญหาและสัมมนากันอย่างจริงจังในปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการธุรกิจ
เป็นที่ยอมรับถึงความเป็นศูนย์กลางแห่งศาสตร์บริหารธุรกิจของสหรัฐฯ และจรรยาบรรณของคณาจารย์ที่มีชื่อเสียง
แต่เมื่อไม่นานนี้หนังสือชื่อ THE EMPIRE BUSINESS" ผู้เขียนคือ J.
PAUL MARK อดีตนักวิจัยของฮาร์วาร์ดได้แสดงความคิดเห็นว่า อาจารย์หลาย ๆ
คนของฮาร์วาร์ดได้แสวงหาความร่ำรวยใส่ตนเอง ด้วยการรับจ้างเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชน
เรื่องนี้ คณบดี JOHN McARTHUR ของฮาร์วาร์ดไม่พอใจและกล่าวว่า "เป็นรอยด่างที่ฝังลึกและเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นลอย
ๆ โดยไม่มีหลักฐานอะไรปรากฏชัดเลย
วาร์ตันสกูล…อันดับ 3
WHARTON SCHOOL แห่ง UNIVERSITY OF PENNSYLVANIA นั้นมีชื่อเสียงมานานในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพทางด้านการเงินการธนาคารสู่โลกธุรกิจ
และในปัจจุบันยังได้สร้างชื่อเสียงด้วยหลักสูตรที่เกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศด้วย
ตามสถิติตัวเลขของผู้ที่จบวาร์ตันนั้นในปี 1986 มีผู้ที่เข้าทำงานในบริษัทต่างประเทศถึง
9% JAMES BEIRNE ผู้บริหารของวาร์ตันกล่าวว่า "ขณะนี้บริษัทต่างชาติกำลังเพิ่มความสนใจกับผู้สำเร็จเอ็มบีเอที่นี่
เพราะเขาเชื่อว่าการจ้างเอ็มบีเอที่นี่ไปทำงานจะช่วยให้บริษัทเขาดำเนินธุรกิจข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
อันดับ 4…SLOAN
SLOAN SCHOOL OF MANAGEMENT ซึ่งตั้งอยู่ใน MASSACHUSETTS INSTITUTE OF
TECHNOLOGY นั้นมีนักศึกษาต่างชาติถึง 30% ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด และสองในสามของนักศึกษาเป็นผู้ที่จบปริญญาตรีทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์
ปัจจุบันสถาบันแห่งนี้ได้ออกหลักสูตรปริญญาโทบริหารเทคโนโลยีด้านการผลิต
(MANUFACTURING-PROCESS TECHNOLOGY) เพื่อรองรับความสนใจที่เกิดขึ้น
อันดับ 5 ชิคาโก
ด้วยลักษณะเก่าแก่ของมหาวิทยาลัยชิคาโก (UNIVERSITY OF CHICAGO) ทางมหาวิทยาลัยยังคงเน้นวิธีสร้างนักศึกษาให้มีคุณภาพคับแก้วในเชิงวิชาการ
และหลีกเลี่ยงการสร้างนักศึกษาของที่นี่จะได้มีพื้นฐานแน่นในวิชาการต่าง
ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์ คณิตศาสตร์ สถิติหรือพฤติกรรมศาสตร์ อย่างไรก็ตามทางมหาวิทยาลัยก็ให้ความสนใจกับผู้จบทางด้านศิลปศาสตร์เช่นกัน
เพื่อให้ชั้นเรียนมีความหลากหลายมากขึ้น
เคลล็อก…อันดับ 6 และอันดับ 7..มิชิแกน
KELLOGG SCHOOL ของ NORTHWESTERN UNIVERSITY นั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกับที่อื่นด้วยการสัมภาษณ์ผู้สมัครทุกคนในการสอบคัดเลือก
แม้ว่าจำนวนผู้สมัครในปีที่ผ่านมาจะสูงถึง 3,800 คนก็ตาม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความประทับใจกับสถาบันและไอเดียนี้ทำให้
SUZANNE BLAUG บัณฑิตเคลล็อกผู้หนึ่งกล่าวว่า "กิจกรรมกลาย ๆ อย่างที่ทำให้ทุกคนมีความเห็นเป็นหนึ่งเดียวก็คือการจัดการให้มีการทำงานร่วมกับคนอื่น"
ส่วน UNIVERSITY OF MICHIGAN ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 7 นั้นเน้นหนักงานวิจัยซึ่งคณบดี
GILBERT WHITAKER กล่าวว่า "อาจารย์และนักศึกษาจะได้พบกับบรรยากาศของปัญญาชนในที่นี้"
คาร์เนกี้และโคลัมเบีย อันดับ 8 และ 9
ในสถาบีนบริหารธุรกิจอันดับ 8 คือ CARNEGIE MELLON ความเด่นอยู่ที่ขนาดเล็กของสถาบันซึ่งมีนักศึกษาจำนวนเพียง
340 คน และแนวทางการเรียนการสอนเน้นคุณภาพและการเรียนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ รวมทั้งเน้นงานด้านคอมพิวเตอร์ด้วย
สำหรับ COLUMBIA UNIVERSITY มีความได้เปรียบตรงที่ทำเลตั้งอยู่ในกรุงนิวยอร์คจึงได้รับเลือกเป็นสถาบันบริหารธุรกิจอันดับที่
9 ที่โคลัมเบียนี้มีศาสตราจารย์ผู้มีชื่อเสียงระดับอินเตอร์มาสอน และมีนักศึกษาหลาย
ๆ รูปแบบ นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังเปิดหลักสูตรที่ทำให้เห็นภาพแท้จริงขององค์กร
เช่นวิชาบังคับ "CONCEPTUAL FOUNDATION OF BUSINESS"
อันดับ 9 …ม. แคลิฟอร์เนีย
UNIVERSITY OF CALIFORNIA ซึ่งอยู่ในเบอร์คเล่ย์ ได้มีการจัดตั้ง MANOFACTURING
CLUB หลังจากมีเสียงเรียกร้องจากมหาวิทยาลัยให้นักศึกษาเห็นความสำคัญของภาคอุตสาหกรรม
แทนที่จะทำงานมุ่งหารายได้งาม ๆ แต่ไม่ค่อยสร้างสรรค์อะไรให้แก่สังคมส่วนรวมเท่าใดนัก
JEAN MOE ผู้อำนวยการฝ่าย CAREER PLANING ของเบอร์คเล่ย์ได้กล่าวว่า "เรามีแนวความคิดที่จะสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่นและแก่สังคมมากกว่าการทำงานเพียงเพื่อสร้างความร่ำรวยแก่ตัวเอง"
สำหรับอันดับที่ 11 คือ AMOS TUCK SCHOOL ของ DARTMOUTH COLLEGE เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาน้อยที่สุดเพียง
245 คน และอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ชื่อ HANOVER, N.H แต่เงื่อนไขนี้ทำให้มีการจัดหลักสูตร
RESIDENTIAL PROGRAM ซึ่งดึงเอาผู้บริหารธุรกิจระดับสูงมาใช้ชีวิตร่วมกับนักศึกษาเพื่อแก้ปัญหาจริง
ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกค้า DENNIS WILLIAMS นักศึกษาปีสองซึ่งเคยทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งที่ยูโกสลาเวียได้เล่าให้ฟังว่า
ในกลุ่มของเขาประกอบด้วยเจ้าของฟาร์มหมูจากมินเนสโซต้า, ผู้จัดการบริษัทโฆษณาจากนิวยอร์ค
และอดีตผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ทั้งหมดนี้ร่วมกันศึกษาปัญหาทางด้านการเงินให้กับบริษัทที่ทำกิจการพลังงานนิวเคลียร์
เรียนเป็นเถ้าแก่
และอีกสถาบันบริหารธุรกิจที่เหมาะกับผู้ประกอบการหรือเถ้าแก่ก็คือที่ UNIVERSITY
OF TEXAS ซึ่งติดอันดับที่ 11 เช่นเดียวกับสถาบันข้างต้น ในขณะที่ UNIVERSITY
OF CALIFORNIA AT LOS ANGELES (UCLA) ติดอันดับที่ 13 ซึ่งมี IC2 INSTTTUTE
ซึ่งย่อมาจาก INNOVATION, CREATIVITY, และ CAPITAL เป็นสถาบันที่ได้รับการยกย่องว่ามีผลงานวิจัยที่สร้างสรรค์ที่สุดในโลก
ในด้านการวิจัยที่สร้างสรรค์ที่สุดในโลก ในด้านการวิจัยการก่อตั้งกิจการ
การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ แนวการบริหารธุรกิจ คณบดีผู้ช่วยของ
UCLA ชื่อ CAROL SCOTT กล่าวว่า "ที่นี่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิญญาณแห่งความเป็นผู้ประกอบการ
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีนักศึกษาที่มุ่งสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองจากหลายมุมโลก"
อันดับ 14 เก่าแก่ทางจริยธรรม
สถาบันบริหารธุรกิจ COLGATE DARDEN SCHOOL แห่ง UNIVERSITY OF VERGINIA
มีศูนย์กลางวิจัยในเรื่องจริยธรรมสำหรับผู้บริหารธุรกิจ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่กลางทศวรรษ
1960 และได้รับคำยกย่องสำหรับความตั้งใจที่จะสอนแนวแบบกรณีศึกษาของฮาร์วาร์ด
คณบดี JOHN ROSENBLUM ได้กล่าวถึงการสอนจริยธรรมว่า "คนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นเรื่องแปลกที่มัวสอนเรื่องจริยธรรมให้กับผู้บริหาร
แต่สำหรับเรามองว่าสิ่งนี้เป็นความจำเป็นที่ค่อนข้างแสดงออกได้ลำบากแต่ควรจะมีไว้"
อันดับ 15 ม. อิลลินอยส์
หลักสูตรการเรียนการสอนของ UNIVERSITY OF ILLINOIS ถือว่าเป็น "ความลับสุดยอด"
ที่จะเปิดเผยให้โลกรู้ได้ยาก แต่นักศึกษากว่าครึ่งของที่นี่มาจากคนที่จบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยเดียวกัน
แต่อาจจะเข้าเรียนหลังจากจบการศึกษานานแล้ว อาชีพของนักศึกษาก็มีหลากหลาย
เช่นนักดำน้ำก็มี, โฆษกวิทยุ, พยาบาล และสถาปนิก
ม. อินเดียนาคืออันดับ 16
INDIANA UNIVERSITY นั้นมีนักศึกษาที่อาศัยในรัฐนี้เพียง 30% เท่านั้น
และหลักสูตรก็เน้นความรู้ทางด้านอื่น ๆ แก่นักศึกษา เช่นหลักสูตรปริญญาโทบริหารจะร่วมกับสาขาศิลปะเพื่อฝึกนักศึกษาสำหรับงานอาชีพพิเศษ
อย่างการบริหารวงดนตรีออเครสต้าหรือการบริหารพิพิธภัณฑสถาน เป็นต้น
อันดับ 17 นอร์ธแคโรไลน่า
ทั้งสองแห่งนั้นอยู่ห่างกันเพียง 8 ไมล์เท่านั้นเองระหว่าง UNIVERSITY
OF NORTH CAROLINA กับ FUQUA SCHOOL OF BUSINESS และที่ KENAN INSTITUTE
FOR PRIVATE ENTERPRISE ของ นอร์ธแคโรไลน่านั้นได้คิดสร้างหลักสูตรที่ถมช่องว่างโลกธุรกิจ
ภาครัฐบาลและนักวิชาการ ส่วนที่สถาบัน FUQUA นั้นมีนักศึกษาใหม่ซึ่งเพิ่งจบปริญญาตรีมาสด
ๆ ร้อน ๆ ถึง 12% สถาบันนี้นับเป็นผู้นำในการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในหลักสูตรทั้งนี้คณบดี
THOMAS KELLER อธิบายว่านักศึกษาที่นี้ได้รับการฝึกให้เป็น GENERALIST ทำให้มีพื้นฐานเทคนิคการตัดสินใจที่ดีขึ้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่นักบริหารทุกคนจำเป็นต้องมี
เยลแตกต่างกว่าที่นึก
มหาวิทยาลัยเยลนั้นตกอยู่ในอันดับที่ 19 เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้รับการรับรองจาก
AACSB ซึ่งเป็นเพราะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเลือกเอง สำหรับ SCHOOL OF ORGANIZATION
AND MANAGEMENT ของเยลนั้นมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่กว้างขวางครอบคลุมทั้งภาครัฐบาลและเอกชน
แต่ปริญญาที่มหาวิทยาลัยให้ไม่ใช่ M.B.A. แต่เป็น M.P.P.M. (MASTER'S OF
PUBLIC AND PRIVATE MANAGEMENT) หลักสูตรสำคัญของที่เยลนี้คือการศึกษาเรื่องพฤติกรรมองค์กร
โดยนักศึกษาต้องมีประสบการณ์การบริหารก่อน และสถาบันแห่งนี้มีเปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาหญิงค่อนข้างสูง
ล่าสุดในปีการศึกษา 1988 มีนักศึกษาหญิงทั้งสิ้น 44%
อันดับ 20 ม. นิวยอร์ค
NEW YORK UNIVERSITY ติดอันดับที่ 20 เป็นสถาบันบริหารธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
เพราะมีนักศึกษาที่เรียนเต็มเวลาถึง 1,100 คนและเรียนภาคค่ำอีกจำนวน 2,500
คน ส่วนคณาจารย์ของที่นี่ก็มีทั้งศาสตราจารย์และอาจารย์สอนถึง 200 คน ดังนั้นการจัดอาจารย์สอนได้เหมาะสมกับวิชา
คณบดี RICHARD WEST กล่าวว่าขนาดใหญ่ของสถาบันช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ลุ่มลึกและกว้างขวาง
แม้ว่าจะดูไม่ใกล้ชิดเท่ากับสถาบันอื่น ๆ ก็ตาม
จัดอันดับอื่น ๆ ในภาคต่าง ๆ ของสหรัฐ
นอกจากการจัดอันดับทั้ง 20 อันดับดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในการสำรวจครั้งนี้ยังได้จัดมหาวิทยาลัยประจำภาคไว้ด้วย
โดยสองอันดับแรกเป็นสถาบันที่มีคะแนนเสียงลงให้ไม่ต่ำกว่า 560%
เริ่มจากคณะบริหารธุรกิจของ GEORGETOWN UNIVERSITY ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออก
คณะนี้เพิ่งตั้งได้เพียง 6 ปีและเคยได้รับเกียรตินิยมดีเด่นด้านคุณภาพของหลักสูตรและกลุ่มเป้าหมายผู้เรียนที่ชำนาญระดับอินเตอร์เนชั่นแนล
นักศึกษาเกือบครึ่งหนึ่งที่นี่อาศัยอยู่และทำงานผ่านการศึกษาจากต่างประเทศ
รวมทั้งมีความรู้ภาษาต่างประเทศด้วย นอกจากนั้นสถาบันนี้ยังตั้งอยู่ในวอชิงตัน
ดี.ซี. ที่ช่วยให้นักศึกษามีโอกาสเห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและเอกชนอย่างชัดเจนกว่า
อันดับสองคือ WHITEMORE SCHOOL ของมหาวิทยาลัย NEW HAMPSHIRE ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
ในแต่ละชั้นมีนักศึกษาเพียง 20-30 คนเท่านั้น แต่ก็มีอีกโปรแกรมสำหรับผู้บริหารในท้องถิ่นนั้นที่จะเรียนในสุดสัปดาห์
ทำให้ที่นี่ได้รับยกย่องในการก่อตั้งกิจการแปลกใหม่และก้าวหน้ากว่าที่อื่น
สำหรับฝั่งใต้ ห่างจากเมืองยอร์จทาวน์ออกไปไม่กี่ไมล์ เป็นที่ตั้งของ GEORGE
MASON UNIVERSITY IN FAIRFAX ซึ่งถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่งของภาคนี้ เป็นสถาบันที่ได้รับความนิยมจากคนทำงานในวอชิงตัน
เพราะสามารถเข้าเรียนได้ตอนกลางคืน โดยใช้เวลาเรียน 4-5 ปีก็ได้รับปริญญาโทเช่นกัน
สำหรับหลักสูตรของที่นี่ก็เป็นแบบครบกระบวนความรู้ตั้งแต่บัญชีการเงิน การจัดการ
และการตลาด
และอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับหนึ่งของภาคนี้เช่นกันก็คือ JESSE
H. JONES SCHOOL OF ADMINISTRATION ของ RICE UNIVERSITY ใน HOUSTON, TEXAS
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเรื่องมาตรฐานทางวิชาการที่ดีที่นี่มีนักศึกษาใหม่ในปีที่แล้วประมาณ
78 คน และมีอาจารย์ประจำ 24 คน และอาจารย์พิเศษอีก 31 คน
สำหรับฝั่งตะวันออกและ MIDWEST สถาบันที่ได้รับเลือกเป็นอันดับหนึ่งคือ
PETER DRUCKER GRADUATE MANAGEMENT CENTER ซึ่งตั้งอยู่ใน CLAREMONT GRADUATE
SCHOOL สถาบันนี้ตั้งตามชื่อของ PETER DRUCKER ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งศาสตร์การบริหารธุรกิจสมัยใหม่
และปัจจุบันดรัคเกอร์ยังเป็นอาจารย์ผู้สอนในสถาบันแห่งนี้ด้วย หลักสูตรของที่นี่มีปรัชญาการสอนที่ถือว่า
"การบริหารงานนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ในการทำให้เกิดคุณค่าของมนุษย์และสังคม"
ดังนั้นจึงมีหลักสูตรที่สมดุลระหว่างภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ
อันดับที่สองของฝั่งตะวันออกนี้อีกแห่งคือ AMERICAN GRADUATE SCHOOL OF
INTERNATIONAL MANAGEMENT ใน GRANDALE, ARIZONA หรือที่มักรู้จักกันในชื่อ
"THUNDERBIRD" ซึ่งกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะจบปริญญาที่นี่จะต้องมีความสามารถในการใช้ภาษาที่สองในการสื่อสารได้อย่างดี
และนักศึกษาสามารถเรียนจบรับปริญญาได้โดยใช้เวลาเพียง 1 ปีกับอีก 1 ภาคฤดูร้อน
ทั้งนี้เป็นการเรียนวิชา WORLD STUDIES เทอมละ 9 ชั่วโมงและเรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจอีก
15 ชั่วโมง