Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2531
"10 อันดับยอดเยี่ยมสาขานิติศาสตร์"             
 


   
search resources

Education
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
มหาวิทยาลัยเยล




ฮาร์วาร์ดและเยล มันสมองหลังบัลลังก์ไม้

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยเยล สองสถาบันที่นับได้ว่าเป็นเสาหลักแห่งการศึกษานิติศาสตร์ในสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษ แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปทั้งเทคนิคการว่าความและปรัชญาแนวความคิด แต่สังคมก็ยังยอมรับว่าฮาร์วาร์ดและเยลยังคงเป็นแม่พิมพ์สำคัญที่ชี้นำทนายความของสหรัฐฯ ได้

เมื่อนิตยสาร U.S. NEWS & WORLD REPORT ได้หยั่งเสียงจากคณบดีของมหาวิทยาลัยทางกฎหมาย 183 แห่ง ปรากฏว่าคำตอบกว่าครึ่งถึง 90% ยกให้โรงเรียนสอนกฎหมายยอดเยี่ยมคือฮาร์วาร์ดและเยล

ฮาร์วาร์ดนั้นมีความเก่าแก่ด้านชื่อเสียงมานาน ขนมประเพณีนิยมก็มีมากกว่า และทรงอิทธิพลด้วย และเป็นผู้พัฒนาการวิธีการเรียนการสอนที่เรียกว่า "กรณีศึกษาแบบโสคราติส" (SOCRATIC CASE STUDY) ให้แพร่หลายในสถาบันอื่น ๆ ด้วย นักศึกษาประมาณ 1,800 คนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำคดีที่เกิดขึ้นจริง ๆ เพื่อให้นักศึกษารู้ซึ้งถึงตัวแม่บทกฎหมายที่ใช้กันอยู่ในการต่อสู้คดีจริง ๆ ระบบการเรียนการสอนแบบนี้ฮาร์วาร์ดใช้ได้ดี "เราต้องการสอนในสิ่งที่นักกฎหมายกำลังทำอยู่จริง ๆ" ศาสตราจารย์ LANCE LIEBMAN กล่าว พร้อมกันนั้นฮาร์วาร์ดได้ปรับปรุงหลักสูตรให้เปิดกว้างขึ้นสำหรับนักศึกษาปีแรก เช่นการศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์กฎหมาย, ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายและเศรษฐกิจ ฯลฯ

ส่วนทางมหาวิทยาลัยเยลนั้น สิ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจคือ "ทฤษฎีกฎหมาย "LEGAL REALISM" ที่พัฒนามานานนับทศวรรษแล้ว บรรยากาศของเยลมีความอิสระเสรีและยืดหยุ่นกว่าฮาร์วาร์ด เยลมีอัตราส่วนของนักศึกษาต่ออาจารย์ที่คุยโวได้ว่า นักศึกษา 570 คนต่ออาจารย์ 60 คน และนักศึกษามีอิสระที่จะเลือกวิชาเรียนได้ และเยลยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแขนงวิชาอื่น ๆ ด้วย เช่น วิชาว่าด้วยผลกระทบของปรัชญาและประวัติศาสตร์ต่อกฎหมาย

มิชิแกนทีม…สู้เขาเจี๊ยบ

มหาวิทยาลัยมิชิแกนนั้นแม้จะมาเป็นอันดับที่สาม แต่ก็มีข้อได้เปรียบที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐ และพยายามเลี่ยงสภาพ "โรงงานผลิตนักกฎหมาย" โดยจัดนักศึกษาเพียงห้องละ 24 คนแทนที่ เดิมจะให้อาจารย์คนหนึ่งสอนนักศึกษาเหยียบร้อย อธิการบดี EDWARD COOPER กล่าวว่า "เราจัดแบบนี้เพื่อทำให้เกิดบรรยากาศการเรียนการสอนที่ไม่หวั่นเกินไป" สำหรับหลักสูตรของมิชิแกน นักศึกษาปีหนึ่งจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถาบันและกฎหมายที่ใช้ในการบริหาร และมีหลายวิชาที่เรียนเรื่องจรรยาบรรณและวิธีประนีประนอมข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนอกศาล เพิ่มเติมจากหลักสูตรปกติที่สอนถึงกฎหมายของศาลยุติธรรม

อันดับ 4..สแตนฟอร์ดและโคลัมเบีย

ในขณะที่โรงเรียนสอนนักกฎหมายอื่นมีนักศึกษารุ่นใหม่จบมาสด ๆ ร้อน ๆ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกลับใช้กลยุทธ์การคัดเลือกนักศึกษาที่แปลกออกไป คือ นักศึกษาทุก 1 ใน 10 จะมีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป LISA LINDELEF หัวหน้าสมาคม OLDER LAW STUDENTS ASSOCIATION วัย 36 ปีกล่าวว่า "ในขณะที่สแตนฟอร์ดมุ่งเสริมสร้างสติปัญญาในรั้วมหาวิทยาลัย เราไม่ค่อยได้สัมผัสโลกแห่งความเป็นจริงภายนอกเท่าใดนัก" ลิซ่าก่อนจะเรียนกฎหมายที่นี่เคยเป็นนักจิตบำบัดอยู่ลอสแองเจลิสถึง 9 ปี

ส่วนมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับสี่อีกแห่งคือ มหาวิทยาลัยโคลับเบีย ซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่กลางมหานครนิวยอร์ค ทำให้เป็นที่ดึงดูดใจอาจารย์และนักศึกษาระดับเยี่ยม นอกเหนือจากนี้หลักสูตรของโคลัมเบียยังน่าสนใจด้วยการเพิ่มวิชาพิเศษที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในสังคมเมืองใหญ่แบบนิวยอร์ค เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ในงานศิลปะ และการจัดการกิจการในแง่มุมกฎหมายและมีนักศึกษากลุ่มอาสาสมัครที่ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่คนที่มีปัญหาด้านการเงิน

ม. ชิคาโกครองอันดับ 6

มหาวิทยาลัยชิคาโกค่อนข้างจะสอนหลักสูตรแบบแผนกฎหมายตามครรลอง ในปีแรกนักศึกษาต้องเรียนเรื่องการทำสัญญาขั้นตอนทางกฎหมาย และวิชาพื้นฐานอื่น ๆ แต่ก็ยังดีขึ้นมาบ้าง ที่มีวิชาเสริมเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้สัมมนาในเรื่องกฎหมายและเศรษฐกิจ, กฎหมายอาญาประวัติศาสตร์ กฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายกับรัฐ

GREG MARK นักศึกษาคนหนึ่งให้ความเห็นว่า ในชั้นเรียนกฎหมายและเศรษฐศาสตร์ พวกอาจารย์จะชอบกล่าวถึงความสามารถของคนในมหาวิทยาลัยนี้ เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจให้นักศึกษาไปในตัว ส่วนคณบดี GEOFFREY STONE กล่าวว่าการศึกษากฎหมายจะเน้นเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจขณะนั้น เช่นข่าวเรื่องกบฏคอนทราในอิหร่าน เป็นต้น

อันดับ 7 ค่าเล่าเรียนถูก

สำหรับ BOALT HALL SCHOOL OF LAW แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเบอร์คเล่ย์นั้นได้รับเลือกติดอันดับ 7 เพราะมีอาจารย์ฝีมือสอนโดดเด่นซึ่งรัฐคัดเลือกมา ที่นี้ถือว่าเป็นโรงเรียนสอนกฎหมายที่ดีที่สุดของชาวแคลิฟอร์เนีย โดยเสียค่าเล่าเรียนถูกมากปีละ 37,500 บาท หรือ 1,500 ดอลลาร์ ในขณะที่เยลคิดค่าเล่าเรียนถึงปีละ 311,250 บาท หรือ 12,450 ดอลลาร์/ปี ยิ่งกว่านั้นนักศึกษาเบอร์คเล่ย์ยังเรียนห้องเรียนขนาดเล็กและมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย เช่นวิดีโอเทปที่นำภาพนักศึกษาฝึกเป็นทนายความแล้วนำมาวิจารณ์กันในชั้นเรียน

จุดเด่นอีกข้อสำหรับสถาบันแห่งนี้ คือ ไม่มีการ "เกรด" นักศึกษา ซึ่ง JOHN HORSLEY บรรณาธิการฝ่ายกฎหมายกล่าวว่า "นักศึกษาเข้ามาเพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่การเปรียบเทียบตัวเขากับเพื่อนที่นั่งถัดไป"

ม. เวอร์จิเนียเรียนแบบสบาย ๆ

UNIVERSITY OF VERGINIA ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 8 มีบรรยากาศการเรียนการสอนแบบสบาย ๆ แม้ว่าจะใช้วิธีการสอนแบบเดียวกับฮาร์วาร์ดคือใช้กรณีศึกษา แต่ก็ไม่ทำให้นักศึกษาหน้าแตก และนักศึกษาจะได้รับประสบการณ์จากชีวิตจริง โดยมีโอกาสช่วยว่าความให้กับนักโทษในศาลของรัฐ

นิวยอร์คยูนิเวอร์ซิตี้เน้นสอนภาษี

ส่วนอันดับที่ 9 ที่มีชื่อเสียงมากในโปรแกรมปริญญาโทที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายภาษีอากร ก็คือ NEW YORK UNIVERSITY อาจารย์ผู้สอนคนหนึ่งของที่นี่เปิดเผยว่าหลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับระเบียบปฏิบัติทางภาษีอากรของนิวยอร์ค และเพราะระบบเศรษฐกิจของนิวยอร์คผูกติดกับบริการด้านการเงินมาก จึงทำให้คนที่จบโปรแกรมนี้เป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก"

เพนซิลวาเนียติดอันดับ 10

นักศึกษาหลายคนให้คะแนนว่า UNIVERSITY OF PENNSYLVANIA อยู่ในอันดับที่ 10 ในฐานะที่มีบรรยากาศเรียนแบบสบาย ๆ โดยแต่ละชั้นเรียนจะมีนักศึกษาจำนวน 200 คนหรือน้อยกว่านี้และอาจารย์จะใช้หลักเมตตาธรรมมาเป็นหลักในการเรียนการสอน

อื่น ๆ อีกมากมาย 10 อันดับ

มหาวิทยาลัยอันดับหลัง ๆ ได้แก่ UNIVERSITY OF TEXAS AUSTIN ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 11 กล่าวกันว่าได้รับแรงสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทน้ำมันทั้งหลาย รวมทั้งนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้มีเงินว่าจ้างคณะอาจารย์ที่มีฝีมือมาสอนได้ และสามารถรักษาระดับค่าเล่าเรียนได้แค่ปีละ 25,000 บาท หรือ 1,000 ดอลลาร์/ปี สำหรับนักศึกษาที่มีถิ่นฐานในเท็กซัส นอกจากนั้นทางคณะยังจ้างทนายความที่มีชื่อเสียงมาสอนในวิชาทนายความฝึกหัดด้วย

ส่วนอันดับที่ 12 DUKE UNIVERSITY เน้นหนักในงานวิจัยและงานเขียนตำรา วิชาบังคับวิชาหนึ่งในชั้นเรียนปีแรกคือนักศึกษาต้องเขียนถึงเรื่องปัญหาจรรยาบรรณและสัมมนาความคิดเห็นนี้กับอาจารย์ นักศึกษาของสถาบันแห่งนี้มีจำนวน 575 คน ซึ่งรองคณบดี EVELYN PURSLEY กล่าวว่าทางสถาบันไม่เคยประสบปัญหาการแก่งแย่งชิงดีกันเหมือนกับมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ ๆ ทั้งหลาย

โรงเรียนสอนกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ และติดอันดับที่ 13 คือ GEORGETOWN UNIVERSITY LAW CENTER ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวง และมีอาจารย์พิเศษมากถึง 215 คน และมีนักศึกษามากถึง 2,580 คน และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความชำนาญพิเศษในการสร้างอาจารย์สอนวิชากฎหมาย

สำหรับอันดับที่ 14 ได้แก่ UNIVERSITY OF CALIFORNIA AT LOS ANGELES นักศึกษาได้มีโอกาสช่วยเหลือคนยากจนและผู้อพยพทั้งหลายในการทำ "คลินิกกฎหมาย" และอันดับที่ 15 CORNELL UNIVERSITY ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการสอนที่กวดขัน แต่ก็ไม่ถึงกับซีเรียสเคร่งเครียด มีนักศึกษาหลายคนที่กินอยู่หลับนอนและเรียนหนังสือในบริเวณมหาวิทยาลัยที่สร้างด้วยศิลป์แบบโกธิค บางคนถึงกับลากรองเท้าแตะมาเรียนด้วยซ้ำ

และมหาวิทยาลัย นอร์ธเวสเทอร์นติดอันดับที่ 16 ที่เน้นหนักงานวิจัยซึ่งยอมรับกันใน THE AMERICAN BAR ASSOCIATION ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในชิคาโก และที่ UNIVERSITY OF ILLINOIS ติดอันดับที่ 17 จะมีนักศึกษาที่ศึกษาปัญหาการวางแผนการใช้ที่ดินและกฎหมายของประเทศในโลกที่สาม และอีกมหาวิทยาลัยหนึ่งที่ติดอันดับเดียวกันนี้ คือ UNIVERSITY OF SOUTHERN CALIFORNIA ซึ่งสอนกฎหมายเกี่ยวกับชีววิทยา ปรัชญา และวิชาอื่น ๆ

มหาวิทยาลัยลำดับที่ 19 UNIVERSITY OF MINNESSOTA ถือว่าเป็นสถาบันแห่งแรกที่เริ่มหลักสูตรการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งนิยมใช้ทั่วสหรัฐฯ ในปัจจุบันนี้ และอันดับสุดท้ายที่ 20 ของโรงเรียนสอนกฎหมายคือ UNIVERSITY OF WISCONSIN ซึ่งเน้นหนักถึงงานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของกฎหมายที่มีต่อปัญหาทางสังคม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us