Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 กุมภาพันธ์ 2552
ยักษ์ฟาสต์ฟู้ด-อาหารญี่ปุ่นตีปีกโต2หลักสวนทาง“ศก.-การเมือง”             
 


   
search resources

Fastfood




ฟาสต์ฟู้ด-อาหารญี่ปุ่นคึก ขาใหญ่แอ่นอกโชว์ยอดขายปี 51 พุ่งสุดๆ ไล่เรียงตั้งแต่ “เคเอฟซี- พิซซ่าฮัท-แมคโดนัลด์-โออิชิ” จับตาการรุกปี 52 รอยยิ้มจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่

ตลาดฟาสต์ฟู้ดกว่า 14,000 ล้านบาท ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากพิษภัยเศรษฐกิจเท่าใดนัก โดยเฉพาะเมื่อโฟกัสไปที่ผู้ประกอบการรายใหญ่แบรนด์ดังอย่าง เคเอฟซี พิซซ่าฮัท แมคโดนัลด์ เป็นต้น ซึ่งต่างก็ล้วนแต่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ยอดขายยังเติบโตดีอยู่ ไม่ต้องห่วง

โดยไก่ทอดแบรนด์เคเอฟซีมีผลประกอบการปี 2551 เติบโตมากถึง 14% และเปิดสาขาปีที่แล้วได้มากถึง 51 สาขา ขณะที่แบรนด์พิซซ่าฮัทมีรายได้เติบโต 12% และเปิดสาขาใหม่ได้ 12 แห่ง ส่วนแบรนด์แมคโดนัลด์นั้น ก็เติบโตถึง 20% (ส่วนสาขาเดิมเติบโต 13%) และเปิดสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 แห่งเช่นกัน

ขณะที่ในฟากของอาหารญี่ปุ่น ซึ่งมีแบรนด์โออิชิเป็นผู้นำตลาด ก็ออกอาการลิงโลดไม่น้อย กับยอดขายปีที่แล้วที่เติบโตกว่า 30% เป็นอัตราเลข 2 หลักครั้งแรกในรอบ 9 ปีเลยก็ว่าได้ จากที่ก่อนหน้านี้อยู่ในอัตราหลักเดียวมาโดยตลอด

ทั้งๆที่ภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองก็ยังตกอยู่ในวังวนของปัญหาและความไม่เน่นอนตลอดเวลา แม้ว่าช่วงนี้จะเริ่มดูเข้าที่เข้าทางแล้วก็ตาม

ทว่าการเติบโตและอยู่รอดได้ของฟาสต์ฟู้ดและร้านอาหารญี่ปุ่นรายใหญ่เหล่านี้ แน่นอนว่าไม่ใช่ได้มาง่ายๆเลย สิ่งที่ช่วยให้รอดพ้นภาวะอันแวนลำบากมาได้ก็คือ กลยุทธ์การตลาด เท่านั้น อีกทั้งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและปัจจัยการเมืองก็ยังคุกรุ่นอยู่

ผู้บริหารแต่ละค่ายเขาคิดกันอย่างไร

“ปีนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเศรษฐกิจและการเมืองจะเป็นอย่างไร แต่คิดว่าสถานการณ์ก็คงยังแย่อยู่ อย่าไปคาดหวังว่าปีนี้จะมีตัวช่วยอะไรมาช่วย เราต้องกังวลให้มากๆกับสถานการณ์ เพราะจะเป็นบ่อเกิดให้เราต้องคิด ต้องฝ่าฟันไปให้ได้” เป็นคำกล่าวของ นายศรัณย์ สมุทรโคจร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเคเอฟซีและพิซซ่าฮัท ประเทศไทย

อีกมุมมองหนึ่งจากนายไพศาล อ่วสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราต้องปรับตัวตลอดตามสาถนการณ์ เน้นกลยุทธ์เพิ่มยอดขายแต่ไม่เพิ่มราคา สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งโดยเฉพาะเมนูอาหาร จะยิ่งทำให้ได้ลูกค้ามากขึ้น

นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ เผยว่า ทุกอย่างทุกธุรกิจมีทั้งแง่ลบและแง่บวก แต่เราควรมองในแง่บวกจะได้มีกำลังที่จะทำต่อได้ ถ้ามัวแต่ไปคิดว่าไม่ดี ไม่ดี มันก็จะแย่ไปหมดจริงๆ และที่สำคัญเราต้องควบคุมต้นทุนให้ดีซึ่งที่ผ่านมาเราก็คุยกับซัปพลายเออร์ตลอด ว่าถ้าเราสามารถเพิ่มยอดการสั่งซื้อวัตถุดิบได้ ก็ขอให้ราคาวัตถุดิบที่ดีกับเรา

บทสรุปจาก 3 ผู้บริหารนี้ เสมือนหนึ่งว่า 1.ต้องขยันคิดขยันทำ 2. ต้องสร้างความแตกต่าง และ 3. ต้องบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนให้ได้ในภาวะวิกฤติ

ความสำเร็จของปี 2551 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แต่ละค่ายเหล่านี้มีความมั่นใจกับแผนงานที่จะก้าวต่อไปในปีวัวนี้

ค่ายยัมเตรียมงบรวมทั้ง 2 แบรนด์ซึ่งร่วมกับทางกลุ่มเซ็นเทรัลไว้ที่ 1,800 ล้านบาท (ของยัม 70% , ของกลุ่มเซ็นทรัล 30%) ปูพรมทยอยเปิดสาขาของเคเอฟซีประมาณ 92 สาขา ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้มีรวม 450 สาขา จากปัจจุบันที่มี 360 สาขา และเปิดร้านพิซซ่าฮัทอีกกว่า 22 สาขา คาดว่าถึงสิ้นนี้จะมีสาขาพิซซ่าฮัทรวม 108 สาขา ขณะนี้มี 88 สาขาแล้ว

ปีนี้ยัมยังคาดหวังอัตราการเติบโตโดยรวมไว้ที่ 25% อีกด้วย ซึ่งไม่น้อยเลย

ขณะที่แมคโดนัลด์ ก็ตั้งป้อมรุกอย่างเต็มที่ กับงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อรุกอีกไม่ต่ำกว่า 17 สาขาในปีนี้ ซึ่งจะมีทุกรูปแบบ ที่สำคัญเกือบครึ่งหนึ่งจะเปิดเป็นแบบไดร์ฟทรู ที่สำคัญกว่านั้นคือในปีนี้จะมีลูกเล่นใหม่ของแมคโดนัดล์ที่จะสวมบทบาทการเป็นผู้พัฒนาที่ดินเพื่อให้เช่า ด้วยซึ่งแผนดังกล่าวนี้แมคโดนัลด์ได้เช่าที่ดินมาจำนวน 3 ไร่ แบ่งเปิดเป็นแมคโดนัลด์ 1 ไร่ ส่วนอีก 2 ไร่พัฒนาเป็นร้านค้าเช่า อยู่ทางด้านเหนือของกรุงเทพฯ คาดว่าจะเปิดบริการเร็วๆนี้

แมคโดนัดล์ก็ยังมั่นใจกับการเติบโตที่ไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว

ด้านโออิชิ ก็ไม่น้อยหน้า กับงบประมาณที่เตรียมไว้กว่า 200 ล้านบาท เปิดสาขาทุกรูปแบบทุกแบรนด์รวมกันกว่า 20 สาขา

คงต้องจับตาดูถึง กลยุทธ์ในการรุกตลาดของขาใหญ่เหล่านี้

ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะเกิดอะไรที่รุนแรงขึ้นมาในปีนี้อีกหรือไม่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us