Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2531
"โรงแรมเอราวัณ ภาคปฏิบัติของนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ"             
 


   
search resources

โรงแรมเอราวัณ
Hotels & Lodgings




ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2530 นี้โรงแรมเอราวัณได้หยุดดำเนินการและทำการรื้อถอนตัวอาคารเพื่อสร้างใหม่ เป็นการปิดฉากของโรงแรมชั้นหนึ่งของรัฐที่เคยเป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองมากว่า 30 ปี

โรงแรมเอราวัณมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ก่อตั้งเมื่อปี 2496 โดยบริษัทสหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด ซึ่งรัฐบาลถือหุ้นอยู่ประมาณ 80% ที่เหลือเป็นหุ้นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และธนาคารไทยพาณิชย์ การดำเนินงานของโรงแรมขาดทุนมาโดยตลอดตามประสารัฐวิสาหกิจที่ดี จนกระทรวงการคลังประกาศให้ฝ่ายเอกชนเข้ามาบริหาร ซึ่งมีผู้แสดงความสนใจอยู่หลายราย การเจรจาใช้เวลาเกือบ 2 ปี จนในที่สุดก็ได้กลุ่มบริษัทอมรินทร์ ดีเวลลอปเมนท์ เจ้าของโครงการอมรินทร์พลาซ่าเข้ามารับช่วงไป

การเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการมีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2530 ตามสัญญามีการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นชื่อ บริษัทโรงแรมเอราวัณ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 330 ล้านบาท โดยกลุ่มอมรินทร์ถือหุ้น 2 ใน 3 ที่เหลือ 1 ใน 3 เป็นหุ้นของสหโรงแรมไทยเป็นเจ้าของเดิม บริษัทใหม่นี้จะสร้างโรงแรมขึ้นใหม่มีห้องพัก 400 ห้อง ห้องประชุมจุ 1,500 ที่นั่ง ภัตตาคาร ศูนย์การค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ การก่อสร้างใช้เวลาประมาณ 3 ปี ใช้เงิน 936 ล้านบาท

ที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรมเป็นของกรมธนารักษ์มีเนื้อที่ 10 ไร่ บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ต้องทำสัญญาเช่าเป็นเวลา 30 ปี โดยทำการต่ออายุการเช่า 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี ค่าเช่าปีละ 7 ล้าน ทุก ๆ 10 ปีจะมีการปรับค่าเช่าใหม่ นอกจากนี้แล้วยังต้องจ่ายค่าซื้อหน้าดินให้กับสหโรงแรมไทย 120 ล้านบาท รวมทั้งตัวอาคารเดิมและทรัพย์สินอีก 16.8 ล้านบาท

สำหรับพนักงานของโรงแรมที่เหลืออยู่ 400 คนนั้นจะได้รับเงินชดเชยคนละ 6 เดือน เป็นจำนวนรวมประมาณ 46 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากกลุ่มอมรินทร์ฯ 16 ล้านบาท กระทรวงการคลัง 14 ล้านและเงินจากการขายทรัพย์สิน 16 ล้านบาท

กลุ่มไฮเทคจะเป็นผู้บริหารโรงแรมเมื่อสร้างเสร็จ โดยจะใช้ชื่อว่า "ไฮเอทเอราวัณและจะซื้อหุ้นในส่วนของกลุ่มอมรินทร์ฯ ด้วย

ส่วนศาลท้าวมหาพรหมหน้าโรงแรมก็ยังคงเป็นที่พึ่งของประชาชนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครต่อไป โดยไม่มีการรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายไปไหน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us