Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์9 กุมภาพันธ์ 2552
คอนโดฯ กลาง-ล่างอนาคตสดใสแอล.พี.เอ็น.-ศุภาลัยเดินหน้าลงทุน             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์

   
search resources

แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.
Real Estate




คอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง ราคา 1 ล้านบาทต้นๆ อนาคตสดใส แอล.พี.เอ็น.ฯ เดินหน้าลงทุนต่อ ปีนี้ขอลงทุนอย่างระมัดระวัง ปูพรมเปิดโครงการใหม่ 6-8 แห่ง มูลค่า 12,000 ล้านบาท ส่วนศุภาลัยขอเอี่ยวตลาดด้วย 3 โครงการ ยึดติวานนท์ เปิดโปรเจกต์แรกมูลค่า 1,500 ล้านบาท

คอนโดมิเนียมเป็นตลาดที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดว่าจะเกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลาย เพราะดีเวลอปเปอร์แห่ไปลงทุนเปิดโครงการใหม่จำนวนมากในช่วงปี 2550-2551 อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า คอนโดมิเนียมจะเป็นเซกเมนต์ที่สร้างปัญหาให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงิน และระบบเศรษฐกิจโดยรวมมากที่สุดเซกเมนต์หนึ่ง

เพราะมีการประมาณการว่าในปี 2552 จะมีการทิ้งดาวน์และโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้เพิ่มขึ้น จากความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ทำให้ผู้กู้ขาดคุณสมบัติ รวมถึงมีผู้ซื้อจำนวนไม่น้อยที่รายได้ลดลง หรือตกงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดระดับล่างที่มีราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 35,000-40,000 บาท หรือราคา 1 ล้านบาทต้นๆ เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงที่ผู้กู้จะโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ ส่วนตลาดระดับกลาง ราคาเฉลี่ย 70,000-80,000 บาท ก็อาจจะประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะเป็นกลุ่มที่ผู้ซื้อมีความเสี่ยงจากการตกงานหรือรายได้ลดลงมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีการซื้อเพื่อเก็งกำไรจำนวนมาก

ขณะที่ตลาดระดับบน ซึ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติเริ่มถึงจุดอิ่มตัว กำลังซื้อลดลง ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้ชาวต่างชาติต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่มขึ้น

โดยดีเวลลอปเปอร์หลายรายได้ชะลอการลงทุน เพื่อดูสถานการณ์ต่างๆ ให้คลี่คลายก่อนที่จะลงทุนโครงการใหม่ ขณะที่มีดีเวลอปเปอร์หลายรายหันกลับไปลงทุนในตลาดเดิมที่ถนัด คือแนวราบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เข้ามาลงทุนในคอนโดมิเนียมในช่วงตลาดบูม และสร้างรายได้เข้าบริษัทจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามแอล.พี.เอ็นฯ ที่เป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียม กลับเห็นว่า ตลาดคอนโดมิเนียมยังไปได้ดี มีความต้องการอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากราคาน้ำมันยิ่งแพงโอกาสจะยิ่งเป็นของคอนโดมิเนียมมากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญหากปัญหาการจราจรยังเป็นอัมพาตเช่นทุกวันนี้ ผู้บริโภคจะยิ่งต้องการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น

โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คอนโดมิเนียมยังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะผู้บริโภคต้องการพักอาศัยในเมืองและใกล้แหล่งงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทาง โดยคอนโดมิมีเนียมราคา 1 ล้านบาทต้นๆ ยังไปได้ดี ความต้องการยังมีอีกมาก จากการสำรวจตลาดของบริษัทตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีฐานลูกค้าราว 50,000 ราย ไม่รวมผู้เข้าชมโครงการ และยังไม่ตัดสินใจซื้ออีกกว่า 100,000 ราย ที่สำคัญผู้ซื้อที่เคยมีความสามารถในการซื้อคอนโดมิเนียมราคา 1.5 ล้านบาทขึ้นไป จะเปลี่ยนมาซื้อคอนโดมิเนียมราคา 1 ล้านบาทต้นๆ แทน เพื่อให้ขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

โดยปีนี้บริษัทฯมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000-12,000 ล้านบาท เป็นแบรนด์ลุมพินี คอนโดทาวน์ 2 โครงการ ลุมพินี วิลล์ 2 โครงการ ลุมพินี เพลส 2 โครงการ ซึ่งจะเปิดโครงการที่รามอินทรา-หลักสี่ พระราม 9 บางแค และประชาชื่น-พงษ์เพชร โดย 3 ทำเลแรกมีที่ดินเรียบร้อยแล้ว ส่วนทำเลประชาชื่น-พงษ์เพชรอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาได้เร็วๆ นี้

“วิกฤตปี 2540 รุนแรงมาก เพราะระบบเศรษฐกิจตกต่ำ สถาบันการเงินล้ม บริษัทมีหนี้สิน ขาดสภาพคล่อง พอแบงก์หยุดปล่อยกู้โครงการเดินหน้าต่อไม่ได้ แต่แอล.พี.เอ็น.ฯ ก็ผ่านวิกฤตครั้งนั้นมาได้ เพราะปรับตัวทุกทาง พนักงานทุกคนต้องทำงานหนัก ทำได้ทุกตำแหน่ง โดยในช่วงนั้น แอล.พี.เอ็น.ฯ ยังยึดทำโครงการที่ถนัด คือ คอนโดมิเนียมระดับล่าง ราคา 5-6 แสนบาท และในช่วงนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก จากการทำตลาดโครงการลุมพินี แฮปปี้แลนด์ ซึ่งโครงการนี้ทำให้ผ่านวิกฤตมาได้ และในวิกฤตครั้งนี้ เราจะฝ่าวิกฤตด้วยคอนโดมิเนียมระดับล่าง-กลาง ราคาเฉลี่ยที่ 1 ล้านบาทต้นๆ” โอภาสยืนยัน

อย่างไรก็ตามโอภาส กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ในปีนี้จะไม่วิกฤตเท่ากับปี 2540 เพราะแอล.พี.เอ็น.ฯ มีเงินสดสำรองหมุนเวียนถึง 2,000 ล้านบาท หากแบงก์หยุดปล่อยกู้ก็มีเงินเพียงพอก่อสร้างต่อ แต่ก็ยอมรับว่าการลงทุนในปีนี้จะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมือง

สำหรับแผนการรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ ได้แก่ การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน การระบายสต็อก การปรับแผนงานก่อสร้างให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมในทุกโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ รวมทั้งการวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบกับบริษัทไว้หลายระดับ และหากมีปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงในระบบสถาบันการเงิน บริษัทจะสามารถก่อสร้างโครงการต่อจนแล้วเสร็จ โดยไม่ต้องอาศัยแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน

ด้านศุภาลัยก็มีแนวคิดสอดคล้องกับแอล.พี.เอ็น.ฯ ว่าตลาดราคา 1 ล้านบาทต้นๆ ยังมีแนวโน้มที่ดี จึงมีแผนลงทุนคอนโดมิเนียมราคา 1 ล้านบาทต้นๆ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการซิตี้ โฮม รัตนาธิเบศร์ โครงการศุภาลัย ปาร์ค แยกเกษตร และโครงการศุภาลัย ปาร์ค แยกติวานนท์ เนื่องจากมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยโครงการศุภาลัย ปาร์ค แยกติวานนท์ เป็นโครงการแรกที่เปิดตัวในปีนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7 ไร่เศษ จำนวน 2 อาคาร สูง 21 ชั้น มูลค่า 1,500 ล้านบาท ราคา 1 ล้านบาทต้นๆ หรือ ตร.ม.ละ 30,000 บาทเศษ เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง ส่วนอีก 2 โครงการ จะเปิดตัวที่ภูเก็ตในปลายเดือน ก.พ. นี้

สำหรับแผนดำเนินงานปีนี้ อธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 9 โครงการ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 โครงการ ภูเก็ต 2โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรกจะเปิดตัว 3 โครงการ

“แผนการลงทุนจะขอดูบรรยากาศแบบไตรมาสต่อไตรมาส เพื่อลดความเสี่ยง โดยในไตรมาสแรกจะเปิดตัว 3โครงการ ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาบรรยากาศการซื้อขายไม่ค่อยดี และหากเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ไตรมาสแรกของปีนี้ดีกว่าไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา” อธิปกล่าว

แม้ว่ายักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย 2 ราย คือ แอล.พี.เอ็น.ฯ และศุภาลัย จะเห็นตรงกันว่า ตลาดราคา 1 ล้านบาทต้นๆ ยังไปได้ดี ส่วนระดับอื่นจะทำตลาดลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับบนเป็นตลาดที่ชะลอตัวมาก แต่บริษัทน้องใหม่ในวงการอย่างบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กลับคิดสวนทาง มองว่า ตลาดระดับบนยังไปได้ จึงเปิดตัวโครงการศาลาแดง เรสซิเดนเซส โครงการระดับซุปเปอร์ลักซัวรี่ บนถนนลีลม เชื่อมกับถนนสายหลัก 3 สาย คือ สีลม สาทร พระราม 4 เป็นอาคารสูง 25 ชั้น 132 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 60-393 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10 -100 ล้านบาทหรือ ราคา ตร.ม. 160,000-300,000บาท มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท เน้นกลุ่มเป้าหมาย นักธุรกิจ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ มิ.ย. 2554

สรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพซ ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า จุดเด่นของโครงการอยู่ที่ทำเล ซึ่งถือว่าอยู่ใจกลางเมือง การคมนาคมสะดวกสบาย ใกล้ระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้า BTSและ MRT ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน แหล่งชอปปิ้ง โรงพยาบาล โรงแรม ขณะเดียวกันก็มีสภาพแวดล้อมที่สงบเป็นธรรมชาติ มีความเป็นส่วนตัวและคุณภาพชีวิตในการพักอาศัยที่ดี ทั้งนี้กล่าวได้ว่า ทำเลนี้เป็นที่ต้องการอย่างสูงสำหรับลูกค้าไฮเอนด์และกลุ่มนักลงทุน เพราะเป็นพื้นที่ที่แทบจะไม่มีที่ดินเปล่า เพื่อนำมาพัฒนาได้ ซึ่งแตกต่างจากทำเลอื่นๆ เช่น สุขุมวิท ที่ยังพอมีพื้นที่ว่างที่ยังสามารถพัฒนาได้”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us