|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แม่ทัพพีแอนด์จีอาเซียน ชูกลยุทธ์ระดับโกลเบิ้ล สั่งลุยโอเลย์พร้อมกัน 3 ประเทศ พร้อมปรับโพซิชันนิ่งสู่แบรนด์ดูแลระดับเซลล์ผิว หวังต่อยอดรุกตลาดแมสทีจเต็มตัว รีล้อนช์โอเลย์ ไวท์ เรเดียนซ์ ครั้งใหญ่ ชูนวัตกรรม”เซลลูเซนท์”ทะลวงสาวไทย สิ้นปีโกยแชร์เป็น 10% ดันโอเลย์รั้งตำแหน่งกวาดแชร์รวมจาก 26.8% เป็น 28-29%
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (เทรดดิ้ง) ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าโอเลย์ เปิดเผยว่า จากการที่หัวเรือใหญ่พีแอนด์จี “ปริญดา หัศฎางค์กุล” กรรมการผู้จัดการ ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทแม่ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดพีแอนด์จี อาเซียน ดูแลตลาดประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา
ล่าสุดได้วางนโยบายการตลาด ด้วยการปรับโพซิชันนิงโอเลย์ใหม่ โดยเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลเซลล์ผิว จากเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกัน 3 ประเทศที่โอเลย์เป็นผู้นำตลาด ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดระดับโกลเบิ้ล เพื่อลดต้นทุนทางการตลาดในระยะยาว
การปรับโพซิชันนิ่งของโอเลย์ เพื่อรุกตลาดแมสทีจอย่างเต็มตัว โดยได้รีลอนช์โอเลย์ ไวท์ เรเดียนซ์ เซลลูเซนท์ แฟร์เนส ใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้รีลอนช์ โอเลย์ รีเจนเนอรีส ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย ทั้งนี้การปรับดังกล่าวเพื่อสอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงทำงานอายุ 25-34 ปี ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองมากกว่าแค่ดูแลผิว
บริษัทรีลอนช์โอเลย์ ไวท์เรเดียนซ์ ใหม่ทั้งหมด วางราคาใหม่จาก 499 บาท เป็น 599 บาท นอกจากนี้ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครบทุกขั้นตอน และเพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง มุ่งการทำอะโบฟเดอะไลน์ 70% การปรับโฉมชั้นวางสินค้า 20% และ 10% เป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยช่วงแรกมุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านนวัตกรรมเซลลูเซนท์ ควบคู่กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และขณะเดียวกันบริษัทตอกย้ำด้วยนวัตกรรมใหม่ของโอเลย์ ไวท์เรเดียนซ์อย่างต่อเนื่อง
“ตลาดแมสทีจเป็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะถือว่าเป็นโอกาสในการทำตลาด ผู้บริโภคอาจจะเปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ ในบางช่วงเวลามาใช้ผลิตภัณฑ์แมสทีจ”
สำหรับตลาดดูแลและบำรุงผิวหน้าปีนี้เติบโต 7-8% หรือมูลค่า 7,800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาโต 7% หรือมีมูลค่า 7,200 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวสัดส่วน 50% หรือคิดเป็นมูลค่า 3,600 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย สัดส่วน 40% ลดลงเหลือ 38% หรือจากมูลค่า 2,880 ล้านบาท เหลือเป็น 2,736 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการตลาดมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว ส่วนผลิตภัณฑ์เฉพาะจุดสัดส่วนลดลงจาก 8% เป็น 6 หรือ 576 ล้านบาท เป็น 432 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ดูแลทั่วไป 288 ล้านบาท
นายเมธี กล่าวว่า จากการปรับโพซิชันนิ่งโอเลย์และการรีลอนช์ในครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าสิ้นปีมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น2% หรือราว 28-29% จากเดิมมี 26.8% รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าโอเลย์ ไวท์เรเดียนซ์ เพิ่มส่วนแบ่งจาก 7.6% เป็น 10% โททัลเอฟเฟกซ์ 11.9% โททัลไวท์ เอ็กซ์ตร้า 4.9% ส่วนพอนดส์ มีส่วนแบ่ง 21.2% ลอรีอัล ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 2% เป็น 18.7%
|
|
|
|
|