Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กุมภาพันธ์ 2552
‘โตโยต้า’เล็งขอรัฐช่วยลดภาษี             
 


   
www resources

Toyota (Thailand) Homepage

   
search resources

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย, บจก.
นินนาท ไชยธีรภิญโญ
Automotive




“โตโยต้า”เตรียมหารือภาครัฐขอลดภาษีสรรพสามิต หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อธุรกิจ พร้อมหวังอัตราการจ่ายภาษีนิติบุคคลปรับตัวลดลงมาใกล้เคียงกับเรตของประเทศเพื่อนบ้าน จากปัจจุบันที่มีอัตราสูงถึง30% ส่วนภาพรวมทั้งปีคาดยอดขายวูบ 24% ชี้ต้องเฝ้าภาวนาให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาสัมฤทธิ์ผล เพื่อให้โดยรวมทรุดตัวไม่มาก

นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวทางที่จะนำเรื่องการขอปรับลดภาษีสรรพสามิตเข้าไปหารือกับรัฐบาล หลังจากการดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้มองว่าภาษีนิติบุคคลที่ปัจจุบันภาครัฐจัดเก็บประมาณ 30%นั้น ถือเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง เช่น มาเลเซียซึ่งมีการจัดภาษีในส่วนนี้เพียง 25% และสิงคโปร์อยู่ที่ 18% ดังนั้นส่วนตัวจึงคิดว่าประเทศไทย อัตราภาษีดังกล่าวควรอยู่ในระดับใกล้เคียงประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้

ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี2552 จะลดลง 24% อยู่ที่ 1.08 ล้านคันต่อปี โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์ในประเทศ 5 แสนคันต่อปี และการส่งออก 5.8 แสนคันต่อปี ลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งตลาดรถยนต์โดยรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านคันต่อปี แบ่งเป็นการส่งออก 7.8 แสนคัน และภายในประเทศ 6.15 แสนคัน

ส่วนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ผู้ประกอบการได้ประมาณการว่าตัวเลขการเติบโตยอดขายในไตรมาส 1/2552 จะลดลงประมาณ 40% และตลอดทั้งปียอดขายจะลดลงประมาณ 15-20% ในเงื่อนไขหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่วางไว้

อย่างไรก็ตามในปี 2552 บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ยังเน้นที่จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เกตแชร์)ให้เป็นอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยต่อไป โดยในปี 2551 บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ที่ 42.5%

รองประธานกรรมการ โตโยต้า มอเตอร์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดส่งออกปีนี้ว่า ขณะนี้ในตลาดต่างประเทศเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบและผันผวนมาก ทำให้ประมาณการเรื่องนี้ได้ลำบาก ส่วนภายในประเทศมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ควรที่จะได้รับความสนใจจากภาครัฐมากขึ้น โดยเฉพาะการกระตุ้นตลาด ซึ่งหมายถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมที่รัฐบาลควรเร่งตัดสินใจและใช้ความรวดเร็ว เพราะมาตรการที่ประกาศใช้ไปก่อนหน้านี้จะเริ่มส่งผลอีกประมาณ 6 เดือนข้างหน้า ดังนั้นภาครัฐควรมีการประมวลผลและปรับแผนใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในปี2553ด้วย นอกจากนี้ภาคเอกชนก็ควรที่จะปรับตัวรับมือในเรื่องดังกล่าวด้วย เช่น การปรับลดต้นทุนและตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ขณะเดียวกัน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ยืนยันว่ายังไม่มีนโยบายปลดพนักงานแต่อย่างใด แต่ถ้าหากเหตุการณ์เลวร้ายถึงที่สุด อาจจะใช้วิธีการสมัครใจลาออก โดยจะเป็นเฉพาะพนักงานประเภท Sub Contact ซึ่งทางบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยเพิ่มให้เป็นจำนวน 3 เดือน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะพยายามรักษาบุคลากรที่มีฝีมือไว้ให้นานที่สุด ตามนโยบายปกป้องบุคลากร รวมถึงการปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตตอนกฏหมาย คือ 1. ปฏิบัติตามกฏหมายแรงงานของไทยอย่างเคร่งครัด 2. รักษาข้อตกลงกับแรงงาน และ3. พิจารณาถึงผลกระทบของพนักงานอย่างรอบคอบ

พร้อมกันนี้นโยบายการแจกเงินของรัฐบาลให้กับผู้ที่ประกันตนกับประกันสังคมและมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทนั้น จากการสำรวจพนักงานภายในบริษัทพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะมีการจับจ่ายใช้สอยอย่างแน่นอน และคงไม่มีการเก็บไว้ตามที่หลายฝ่ายกังวล ดังนั้นรัฐบาลควรมีนโยบายออกมาเพื่อเติมอีก

ก่อนหน้านี้ นายมิทซึฮิโระ โซโนดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่าในปีนี้ผลกระทบจากเศรษฐกิจและวิกฤติการเงินโลกจะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ถึงจุดต่ำสุด และจะส่งผลกระทบกับธุรกิจส่งออกของไทย รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เริ่มมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งในส่วนของโตโยต้าเริ่มมีสัญญาณที่ไม่ดีนัก เพราะตลาดหลักๆในหลายประเทศ ชะลอตัว ทำให้บริษัทต้องปรับตัวหันมาเน้นศักยภาพในการทำตลาดในประเทศมากขึ้น อีกทั้งยอมรับว่าวิกฤตในครั้งนี้ส่งกระทบต่อการวางแผนการผลิตในระยะยาวด้วยเช่นกัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us