|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ทีแอลเอ็ม ฟุ้ง ปี 2551 กำไรสุทธิ 12 ล้านบาท จากรายได้ 19 ล้านบาท เล็งบุกตลาดตะวันออกกลาง เสริมทัพ เพิ่มช่องทางหารายได้ ประเดิมโอมานเป็นประเทศแรก เหตุวิกฤตเศรษฐกิจอาจทำให้ลูกค้ายุโรปหดหาย การจับจ่ายซื้อบ้านลดลง จึงตั้งเป้าหมายปีนี้แค่ประคองเท่าปีก่อน ย้ำองค์กรรีดไขมันแล้วต้นทุนดำเนินงานจึงต่ำ ระบุปิดอีลิท แต่ก็ชี้แจงข้อมูลลูกค้าผ่านเว็บไซต์
นางปิยาพัชร สุบรรณ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะขยายตลาดในการจำหน่ายบัตรสมาชิกทีแอลเอ็ม โดยตลาดเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เริ่ม โอมาน เป็นประเทศแรก เจาะตลาดลูกค้าตั้งแต่อายุ 50 ปี หรือใกล้ 50 ปีขึ้นไป เชิญชวนเข้ามาเป็นสมาชิกพร้อมรับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขจากทีแอลเอ็ม โดยมองว่าตลาดนี้มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับพฤติกรรมการเดินทางนิยมเป็นกลุ่มใหญ่แบบครอบครัวจึงไม่สะดวกที่จะเข้าพักโรงแรม
ประกอบกับในช่วงฤดูร้อนประเทศกลุ่มตะวันออกกลางจะมีอากาศที่ร้อนมาก จึงนิยมเดินทางไปพักในประเทศที่อากาศเย็นกว่านาน 3-4 เดือน ที่นิยมสุดคือประเทศออสเตรเลีย แต่ทั้งขาไปและขากลับ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นิยมที่จะมาหยุดพัก เพื่อท่องเที่ยวที่ประเทศไทย จึงมองเห็นศักยภาพว่า หากทีแอลเอ็มได้นำเสนอสินค้า คือบัตรทีแอลเอ็ม เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ เขาน่าจะเลือกมาพำนักในประเทศไทยแทน ซึ่งตลาดนี้จะทำให้ที่แอลเอ็มมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการทั้งปี ทั้งกลุ่มหนีหนาว และ กลุ่มหนีร้อน
ปัจจุบันสมาชิกผู้ถือบัตร ทีแอลเอ็มมีประมาณ 900 ราย เกือบ 60% เป็นสมาชิกถือบัตรแพลทตินั่ม ซึ่งเป็นบัตรที่มีราคาสูงสุดคือใบละ 28,000 บาทต่อปี อีก 40% เป็นสมาชิกกลุ่มบัตร โกลด์ และ ซิลเวอร์ ซึ่งมีราคาสมาชิกต่อปีที่ 20,000 บาท และ 12,000 บาท ตามลำดับ โดยสมาชิกทั้งหมดมี 70% ที่ยืนยันต่ออายุในปีนี้ ดังนั้นการหาตลาดใหม่ๆเข้ามาเพื่อสร้างรายได้ในส่วนที่หายไป
ด้านผลประกอบการ ปี 2551 มีรายได้รวมทั้งปี 19 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 11-12 ล้านบาท และปี 2552 จากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ บริษัทขอตั้งรายได้เท่ากับปีที่ผ่านมาส่วนผลกำไรก็น่าจะใกล้เคียงกัน ซึ่งขึ้นกับว่าตัวแทนจำหน่ายจะขอปรับค่าคอมมิชชั่นขึ้นหรือไม่ โดยบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาต่อรอง
ทั้งนี้ผลกำไรที่มากเมื่อเทียบกับสัดส่วนรายได้ เพราะส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าบริการ ค่าติดต่อประสานงาน และที่สำคัญคือรายได้จากค่าคอมมิชชั่น ที่บริษัทได้จากเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่บริษัทได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานพาสมาชิกไปซื้อที่อยู่อาศัย ที่ผ่านมากลุ่มสแกนดิเนเวีย เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่ออยู่อาศัยในวันเกษียณมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจากกระแสข่าวที่รัฐบาลจะมีการพิจารณาปิดบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือ โครงการบัตรอีลิท มีผลกระทบต่อลูกค้าสมาชิกของทีแอลเอ็มบ้าง โดยเฉพาะลูกค้าใหม่หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ เพราะเกรงว่าทีแอลเอ็มซึ่งก่อตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเช่นกันจะถูกปิดด้วย ซึ่งทีแอลเอ็มก็ชี้แจงไปว่าเป็นคนละหน่วยงาน อีกทั้งผลประกอบการของ ทีแอลเอ็มก็มีกำไรมาตลอดปี 2551 ดังนั้น จึงได้เตรียมจัดทำข้อมูลเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านเว็บไซต์ของ ทีแอลเอ็ม
“ที่ผ่านมาเราปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมดเพียง 20 คน ค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่ถึง 1 ล้านบาท ทำให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้โดยต้นทุนที่ไม่สูงนัก อีกทั้งธุรกิจหลักคือการให้บริการ เพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทคู่ค้า โดยไม่ได้เก็บเพิ่มกับสมาชิกจึงมีกำไรสูง”
ล่าสุดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทีแอลเอ็มได้สมาชิกใหม่จากตลาดญี่ปุ่นจำนวนมากประมาณ 100 ราย สะท้อนให้เห็นว่า ญี่ปุ่นมีความมั่นใจประเทศไทย ตรงนี้จะช่วยให้ประเทศอื่นๆมีความมั่นใจประเทศไทยเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังไม่มีแผนออกสินค้าใหม่ ขอบริหารจัดการสินค้าที่มีอยู่ ใน 3 บัตรดังกล่าวให้ดีและชัดเจนมากขึ้น โดยจะชะลอโครงการบัตรไดมอนด์พร็อพเพอร์ตี้ออกไปสักระยะหนึ่ง เพื่อสร้างความชัดเจนในตัวโปรดักส์ พร้อมปรับปรุงบริการให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ของทีแอลเอ็ม เน้นเรื่องบริการประทับใจ ลูกค้าสมาชิกจะได้บอกต่อเพราะคนกลุ่มนี้เป็นผู้สูงอายุจึงต้องการความมั่นใจที่เชื่อถือได้
|
|
|
|
|