Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา กุมภาพันธ์ 2552
สำรวจโฆษณาออนไลน์...เอเยนซีคิดอะไรอยู่             
โดย ดร.ภิเษก ชัยนิรันดร์
 


   
search resources

Advertising and Public Relations




ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ธุรกิจต่างๆ พากันตัดทอนงบโฆษณาจากสื่อเดิมๆ อย่างโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และอื่นๆ ลง เพื่อเป็นการลดต้นทุนและเป็นไปตามสภาพการหดตัวของยอดขาย และในสภาวการณ์เช่นนี้ ผมเองกลับมองว่า เป็นจุดพลิกผันที่สื่อที่เคยถูกมองอย่างน่าสงสัยและระมัดระวังอย่างสื่อออนไลน์ (ที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ของมูลค่าการโฆษณาทั้งหมด) น่าจะเป็นตัวเด่นขึ้นมาท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เงียบงัน

เหตุผลหลักคือว่า ราคาค่าโฆษณาที่ยังค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับสื่อเดิม ขณะที่ สามารถเข้าถึงผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก มีโอกาสในการสร้างความจดจำในการชมซ้ำ รวมไปถึงการมีส่วนร่วม (Engagement) ของผู้เสพสารโฆษณาที่สื่อเดิมทำไม่ได้ แต่ปัจจัยหนึ่งที่อธิบายความเติบโตล่าช้าของสื่อนี้คือ ความเข้าใจของตัวเอเยนซีเอง ที่ยังไม่เข้าใจกับสื่อใหม่ชนิดนี้มากนัก ผมเองยังไม่แน่ใจว่าสื่อออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของวิชาหลักในหลักสูตรการเรียนการสอนในภาควิชาโฆษณาของคณะนิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์แล้วหรือยัง หรือมันอยู่ในแผนของการสื่อสารทาง การตลาดแบบผสมผสาน (Integrated Marketing Communication: IMC) ของแต่ละเอเยนซีแล้วหรือไม่ ผมให้ความสำคัญ แก่เอเยนซีมาก เพราะจะเป็นผู้แนะนำและ ผลักดันให้การโฆษณาออนไลน์เติบโตขึ้นกว่านี้ได้อีกมาก

หลายคนอาจจะแย้งว่าเห็นโฆษณาแบนเนอร์ (Banner) อยู่ดาษดื่น อันที่จริงแล้ว บริษัทใหญ่ๆ ที่เข้ามาลงโฆษณาจริงๆ แล้วมีจำนวนไม่มากนัก และส่วนใหญ่มักจะมุ่งไปที่เว็บไซต์ระดับ Top 10 เสียมากกว่า ส่วนแบนเนอร์อื่นๆ นั้น ล้วนแต่เป็นโฆษณาอาหารเสริมลดน้ำหนักเป็นส่วนใหญ่ หรือแบนเนอร์สินค้าที่ลงโฆษณาในเว็บไซต์ ที่มีเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม

หากผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์ผมคงได้เห็นอ่านบทความ "รายได้จากโฆษณา...ความลวงบนฟองสบู่" ประจำเดือนกันยายน 2551 ที่เนื้อหาสรุปว่าเว็บไซต์อันดับ Top 50 หลายๆ เว็บไซต์ที่เน้นการโฆษณาเพื่อหวังว่าจะมีรายได้มากๆ เหมือนพวก Top 10 แต่ปรากฏว่าต้องผิดหวังเพราะเว็บไซต์เหล่านี้ไม่มีเนื้อหา ของตนเอง อาศัยจากแหล่งข้อมูลต่างๆ จนไม่เกิดความแตกต่าง ถึงแม้จะมีคนเข้าเยี่ยมชมจำนวนมากก็ตาม สำหรับบทความ นี้อาจจะถือเป็นส่วนต่อขยายของภาพดังกล่าว แต่หันมามองในมุมกลับว่า เว็บไซต์เหล่านี้ยังน่าสนใจในเรื่องของจำนวนคนที่เข้าเยี่ยมชมและราคาค่าโฆษณาก็ถูกมาก จนเป็นที่น่าสนใจจากธุรกิจต่างๆ ถ้าหันมา สนใจลงโฆษณาออนไลน์ ทั้งนี้ผมจะอธิบาย ให้ผู้อ่านเห็นภาพจากเว็บไซต์ระดับต้นๆของประเทศที่ประสบความสำเร็จจากสื่อออนไลน์อย่างสูงไปจนถึงเว็บไซต์ระดับ Top 100 แต่ไม่มีรายได้จากส่วนนี้เท่าใดนัก รวมไปถึงเว็บไซต์เฉพาะกลุ่มที่แม้มีจำนวนคนเข้าน้อยกว่า แต่กลับมีการลงโฆษณากันอย่างคึกคัก (หมายเหตุ: จะพิจารณาเฉพาะการโฆษณาประเภทแบนเนอร์และบางเว็บไซต์ไม่สามารถหาข้อมูลค่าโฆษณา จากออนไลน์ได้โดยตรงจะไม่นำมาพิจารณา)

www.kapook.com.
รายได้ฉลุยจากธุรกิจระดับยักษ์ใหญ่ ด้วยเป็นเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 (เมื่อวัดจาก จากค่า IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ที่ไม่ซ้ำกันในช่วงเวลาหนึ่ง หรือ UIP = 383,735 จาก www.truehits.net วันที่ 7 มกราคม 2552) ทำให้อัตราโฆษณาสูงมาก โดยเฉพาะจุดเด่นสำคัญคือโฆษณาที่เรียกว่า Big Banner ขนาด 443 x 262 pixels ที่มีมูลค่าถึง 180,000 บาทต่อเดือน โดยเป็น การแสดงผลสลับกับแบนเนอร์อื่นๆ รวมกัน 10 ราย (Rotate 10 ad.) ทุก 15 วินาที ครับนั้นหมายความว่าเฉพาะจุดโฆษณาจุดนี้จุดเดียว ทำให้รายได้ของ www. kapook.com มีมูลค่าถึง 1,800,000 บาท เข้าไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงโฆษณาอื่นๆ มาก มายภายในเว็บไซต์ และนี่แหละคือความหอมหวนที่เว็บไซต์อื่นๆ อยากจะเป็น นอกจากนี้ที่ผมสังเกตเห็นถึงโฆษณาที่ลงเป็นของบริษัทใหญ่ๆ อย่างดีแทค, แดรีควีน, ฟิลลิปส์ รวมทั้งการโฆษณาหนังอย่าง Transporter 3 ทั้งนี้ลักษณะการโฆษณาจะเน้นการให้ผู้พบเห็นเข้าไปมีส่วนร่วม เช่น การส่ง SMS แข่งขัน, แจกของฟรี, เล่นเกมออนไลน์ หรือการได้ลุ้นการดูหนังฟรี เป็นต้น ซึ่งลักษณะเหล่านี้จะไม่ได้พบในการโฆษณาแบนเนอร์ในเว็บไซต์อันดับหลังๆ แสดงให้เห็นถึงความ เข้าใจต่อสื่อชนิดนี้ได้ดีกว่าธุรกิจเล็กๆ อื่นๆ

www.dek-d.com
เจาะกลุ่มเป้าหมายราคาประหยัด

แน่นอนว่า www.kapook.com ไม่ใช่ที่ทางสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก แต่หากคุณทำธุรกิจกวดวิชา www.dek-d.com คือสวรรค์ของคุณ เพราะแม้ว่าจะอยู่อันดับที่ 6 (UIP = 215,509) แต่ด้วยความที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนคือ กลุ่มวัยนักเรียนนักศึกษา อายุ ประมาณ 12-23 ปี ถึงแม้ว่าจะมีโฆษณาแบบราคาแพงมากอย่างแบนเนอร์แบบ Side Floating หน้าแรกที่เคลื่อนขึ้นลงตามเมาส์ ที่มีราคาอยู่ถึง 255,000 บาท (คิดตามจำนวนครั้งที่พบเห็นโฆษณา) ซึ่งมีบริษัทใหญ่อย่าง Sony มาลงโฆษณาหรือแบนเนอร์แบบ Leader Board หน้าแรก ราคา 90,000 บาท (คิดตามจำนวนครั้งที่พบเห็นโฆษณา) ซึ่งมีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และเอไอเอสมาลงโฆษณา แต่ก็ยังมีส่วนหน้าการศึกษาที่บรรดาสถาบันกวดวิชาต่างๆ มาลงโฆษณาจนเต็ม ทั้งนี้เพราะราคาของแบนเนอร์ที่เริ่มตั้งแต่ 1,200 บาท จนกระทั่ง 5,000 บาทต่อเดือน ไม่แพงมากนักที่จะลงทุนเมื่อเทียบกับโอกาสที่จะได้นักเรียนเข้ามากวดวิชาเพิ่มเติม

www.bloggang.com
ยังสงสัยพฤติกรรมการเข้าเว็บ

ด้วยความเป็นเว็บไซต์อันดับ 8 ที่มี UIP = 188,907 การกำหนดราคาแบนเนอร์ ในหน้าแรกและในหน้าแสดงรายการกลุ่มย่อยทุกกลุ่มอย่างขนาด 778 60 pixels ด้วยราคา 70,000 บาทต่อเดือน รวมถึงแบนเนอร์อื่นๆ ที่มีราคาระหว่าง 20,000- 60,000 บาทต่อเดือน ดูจะไม่ใช่ราคาที่แพงมากนัก แต่ผมเองยังไม่แน่ใจว่าในฐานะของคนอ่านจะเข้ามาที่หน้าแรกของ www.bloggang.com ทำไม เพราะโดยปกติเราคงแนะนำบล็อกที่น่าสนใจให้กับเพื่อนโดยให้ไปที่หน้าของบล็อกนั้นโดยตรง มากกว่าที่จะมาที่หน้าแรกแล้วค่อยมาทำ การค้นหา เช่น หากเราชอบบล็อกของป้ามด เราคงแนะนำไปที่ http://aunty mod.bloggang.com/ ไม่ใช่ที่ www. bloggang.com เว้นแต่จะมีเวลามานั่งค้นหาบล็อกที่ต้องการจะอ่านนั้นก็เป็นอีกพฤติกรรมหนึ่ง และไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ผมพบแบนเนอร์ของธุรกิจ 2 แห่งเท่านั้น คือ เอไอเอสและเซ็นทรัล จึงอยากจะแนะนำว่า น่าจะให้โฆษณานั้นปรากฏอยู่ทุกบล็อกด้วยจะเพิ่มความน่าสนใจได้อย่างมหาศาล

www.pramool.com
ความล้มเหลวที่ต้องวิเคราะห์

ด้วยความที่อันดับดูมีศักดินาที่ 13 และ UIP = 112,365 และเป็นเว็บไซต์ประมูลอันดับหนึ่งของประเทศ ผมหวังว่าโฆษณาแบนเนอร์ที่ปรากฏจะต้องเต็มอย่าง ไม่น่าสงสัย ด้วยความที่ราคาในการลงโฆษณาในหน้าแรกนั้นถูกกว่าเว็บยอดนิยม อื่นๆ มาก คืออยู่ที่ระหว่าง 2,000-10,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น แต่ยังมีปรากฏที่ว่างของแบนเนอร์มีอยู่พอสมควร พอจะเห็นได้ ว่าไม่ได้สร้างรายได้ที่มากมายนักเหมือนเว็บไซต์ยอดนิยมอื่นๆ เหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผมให้คำตอบอยู่ในด้านประเด็น ทางการตลาดคือการที่มีตำแหน่ง (Posi-tioning) ที่ไม่ชัดเจน เพราะเว็บไซต์เน้นในเรื่องการประมูลซึ่งน่าจะเป็นคนวัยทำงาน เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เว็บบอร์ดกลับเน้นเรื่องเกมและวัยรุ่น คนที่จะลงโฆษณาไม่ชัดเจนว่า ใครคือคนที่เข้ามายังเว็บไซต์นี้กันแน่ แต่จุดหนึ่งที่น่าจะสร้างรายได้ให้กับทาง www.pramool.com ได้นั้นก็คือการให้ทางผู้ที่นำสินค้ามาประมูลนั้นสามารถโฆษณาเป็นสินค้าเด่นๆ หากต้อง การให้คนสนใจเข้ามาประมูลกันมากๆ เหมือนอย่างเว็บไซต์พวก e-Marketplace อื่นๆ ทำกัน

www.siamzone.com,
www.thaiza.com, และ
www.siamza.com
คนเข้าเยอะแต่โฆษณาน้อย

นอกจากจำนวนโฆษณาที่น้อยมากของ www.pramool.com แล้ว มีอีก 3 เว็บไซต์ที่ผมทำการสำรวจ และพบว่าโฆษณาน้อยมากเช่นเดียวกัน เว็บไซต์แรก www.siamzone.com เว็บไซต์อันดับ 19 ที่มี UIP = 100,588 จากรายละเอียดของการโฆษณาแบบปรับเปลี่ยนในหน้าแรกมีราคาตั้งแต่ 1,500-20,000 บาทต่อเดือน และโฆษณาแบบถาวรที่มีราคาตั้งแต่ 8,500-25,000 บาทต่อเดือน ผมพบว่ามีเพียง 3 แบนเนอร์เท่านั้นที่พบบนหน้าแรก คือโซนี่ และแบนเนอร์ของบริษัทขายตรงอีก 2 แห่ง

เว็บต่อมา www.thaiza.com เว็บไซต์อันดับที่ 20 UIP = 96,995 ก็เช่นกัน จากจำนวนคนเข้ามาเยี่ยมชมนับแสนต่อวันและราคาค่าโฆษณาไม่ได้แพงมากนัก (ตั้งแต่ 10,000-20,000 บาทต่อเดือน) แต่จากข้อมูลของทางเว็บไซต์ กลับแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งโฆษณาที่แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ A, B, และ C นั้นกลับว่างไปเสียเกือบทุกตำแหน่ง

ภาพมายิ่งชัดขึ้นกับ www.siamza. com เว็บไซต์อันดับที่ 40 UIP = 65,806 ซึ่งมีราคาค่าโฆษณาที่ต้องถือว่าถูกมากนั้น คือระหว่าง 2,000-25,000 บาทต่อเดือน แต่ก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจาก www. thaiza.com ที่ตำแหน่งของการลงโฆษณา ว่างแทบจะทุกตำแหน่ง

คำถามคือเกิดอะไรขึ้นกับเว็บไซต์เหล่านี้???

หากไปถามเอเยนซีก็คงจะได้รับคำตอบว่า เป็นเพราะเว็บไซต์เหล่านี้ล้วนแต่จัดอยู่ในประเภทเว็บไซต์วาไรตี้ หรือที่เรียกว่าเว็บท่า (Portal Site) ที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก Top 10 ที่พวกเขาลงโฆษณา และหากมองในแง่ของกลุ่มลูกค้าก็ซ้ำกับทาง Top 10 ด้วย รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร

มองมุมกลับ...เอเยนซีคิดอะไรอยู่

ผมเห็นข้อมูลของเว็บไซต์อย่าง www.siamzone.com, www.thaiza.com, และ www.siamza.com ที่มีโฆษณาค่อนข้างน้อย กลับรู้สึกว่านี้เป็นขุมทองสำคัญสำหรับบริษัทที่ต้องการจะลดต้นทุนในการ โฆษณาจากสื่อหลักของตนเองลง โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ลอง คิดตามผมสิครับว่า เว็บไซต์อย่าง www. thaiza.com UIP = 96,995 ราคาโฆษณา 10,000 บาท ขณะที่ www.kapook.com UIP = 383,735 ราคาโฆษณาเป็นแสน จะเห็นว่าจำนวนคนเข้า www.kapook.com สูงกว่า www.thaiza.com เพียงแค่ 3 เท่า แต่ค่าโฆษณากลับสูงกว่าถึง 10 เท่า หากเป็นผมจะสนไปทำไมในการลงโฆษณาเว็บไซต์ Top 10 มาลงโฆษณาใน www. thaiza.com จะไม่ดีกว่าหรือครับ โดยเฉพาะหากสินค้าคุณเป็นประเภทขายได้ทุกเพศทุกวัยด้วยแล้ว หรืออย่าง www. siamza.com ที่คุณมีเงินเพียง 2,000 บาท น้อยกว่า www.kapook.com เกือบ 100 เท่าก็สามารถลงโฆษณาได้เป็นเดือนสำหรับ จำนวน UIP ขนาด 65,806

เห็นไหมครับ...เว็บไซต์พวกนี้ สวรรค์เราดีๆ นี้เอง

ผมกลับมองว่าบางทีเอเยนซีไม่แนะนำเว็บไซต์เหล่านี้ให้กับลูกค้า เป็นเพราะมันไม่คุ้มกับค่าตอบแทนที่ตนเองจะได้เสียมากกว่าประโยชน์ของลูกค้าที่จะได้รับ หรือพวกเขาอาจจะมองถึงผลกระทบของโฆษณาที่อาจจะสู้เว็บไซต์ขนาดใหญ่ไม่ได้เพียงข้างเดียว แต่ไม่ได้นำต้นทุนซึ่งเป็นอีกข้างที่ควรจะพิจารณาประกอบด้วย

www.mocyc.com
เว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม โฆษณาแน่น

www.mocyc.com แห่งนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องแห่ไปทำเว็บท่าเพื่อหวังจำนวนคนเข้ามากๆ เพียงแต่คุณทำเนื้อหาที่ตัวคุณเองสนใจและมีกลุ่มเฉพาะที่สนใจเรื่องนี้เช่นเดียวกับคุณจำนวนมากพอสมควร คุณก็สามารถหารายได้จากการโฆษณาได้ สำหรับเว็บไซต์นี้อยู่ในอันดับที่ 156 มี UIP เพียง 17,733 แต่ปรากฏว่าโฆษณาเต็มทุกตำแหน่งในหน้าแรก แน่นอนครับแบนเนอร์ที่ลงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด

ครับ เพราะความง่ายของการมองเห็นกลุ่มเป้าหมายชัดเจนรู้ว่าทุกคนที่เข้ามานั้นล้วนแต่สนใจในเรื่องของมอเตอร์ไซค์ ทั้งนั้น อีกทั้งค่าโฆษณาเองเริ่มต้นจาก 2,000 บาทจนถึง 15,000 บาทก็ไม่แพงมากนัก นั้นหมายความว่ามีโอกาสอย่างยิ่งที่โฆษณานั้นจะได้รับการตอบสนองที่ดี ตามหลักของ AIDA นั้นคือ

A มาจาก Attention หมายถึง การ "เรียกร้อง" ความสนใจ

I มาจาก Interest หมายถึง "ทำให้" สนใจ หรือกระตุ้นความต้องการ

D มาจาก Desire หมายถึง สร้างความต้องการให้เกิดความ "อยาก" ได้มาครอบครอง

สำหรับ A ตัวสุดท้าย มาจาก Action หมายถึง เร่งเร้าให้ "ซื้อ"

เมื่อเปรียบเทียบการที่บริษัทรถมอเตอร์ไซค์ลงโฆษณาแบนเนอร์ในเว็บท่าที่มีคนหลากหลายความสนใจ โอกาสที่แบนเนอร์ของเราจะไปเรียกร้องความสนใจ กระตุ้นความต้องการ ทำให้เกิดความอยาก หรือตกลงจะซื้อนั้นคงจะเป็นไปได้ยาก

จากรายละเอียดของบริษัทที่มาลงโฆษณา ก็มีทั้งบริษัทใหญ่ๆ อย่าง เอ.พี. ฮอนด้า เอส.พี.ซูซูกิ ยามาฮ่ามอเตอร์เรียกว่าเป็นแหล่งนัดพบของค่ายยักษ์ที่ไม่ยอมแพ้กัน ยังมีบริษัทเล็กๆ พวกค่ายอุปกรณ์เสริมเข้ามาลงโฆษณาด้วย

เว็บไซต์ประเภทศูนย์รวมแบบนี้แหละครับที่ธุรกิจในด้านที่เราเฉพาะเจาะจงลงไป ก็พากันแห่มาลงโฆษณาไม่ขาดสาย และไม่ใช่แค่ www.mocyc.com เว็บไซต์เฉพาะต่อไปนี้ที่ผมพบว่าโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาแน่นจนคุณต้องอิจฉา (ยังมีอยู่จำนวนไม่มากนัก)

' www.midnightthailand.com
เว็บไซต์ศูนย์รวมด้านแหล่งบันเทิงยามค่ำคืน

' www.siamfishing.com
เว็บไซต์ด้านการตกปลา

' www.siamphone.com
เว็บไซต์ข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ

' www.jeban.com
เว็บไซต์ความงาม   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us