|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จีน
มาร์ติน โคลส์ ประธานสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศเปิดตัวกาแฟยี่ห้อใหม่ ซึ่งเป็นผลงานการคิดค้นร่วมกันระหว่างบริษัทสตาร์บัคส์ กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกรในมณฑลหยุนหนัน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเวียดนาม, ลาว และพม่า กาแฟยี่ห้อใหม่ถูกตั้งชื่อว่า "South of the Clouds" หรือเมฆาแดนใต้ อันเป็นความหมายของคำว่าหยุนหนันในภาษาจีน
สตาร์บัคส์ใช้เวลาพัฒนากาแฟยี่ห้อใหม่ร่วมกับจีนนานถึง 3 ปี โดยเป็นการนำเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิกาจากละตินอเมริกา และเอเชีย-แปซิฟิก มาผสมกับเมล็ดกาแฟพันธุ์ท้องถิ่นของหยุนหนัน นอกจากนั้น สตาร์บัคส์ยังตั้งเป้าพัฒนาแหล่งกาแฟอาราบิกาคุณภาพชั้นเลิศจากมณฑลแห่งนี้อีกด้วย โคลส์ได้กล่าวว่าความปรารถนาสูงสุดก็คือการได้เห็นกาแฟจากจีนวางเด่นสะดุดตาอยู่บนชั้นในร้านขายกาแฟทุกๆ สาขาของสตาร์บัคส์ใน 49 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เขายังมิได้ประกาศวันเวลาในการวางจำหน่าย ขึ้นอยู่กับเกษตรกรว่าจะสามารถผลิตเมล็ดกาแฟได้มากเพียงพอสำหรับขายได้เร็วสุดเมื่อใด
พม่า
พม่าจะเริ่มส่งก๊าซธรรมชาติที่ขุดได้จากแหล่งในอ่าวเบงกอลให้กับบริษัทน้ำมันของรัฐบาลจีนในปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่การก่อสร้างระบบท่อก๊าซผ่านพม่าไปยังมณฑลหยุนหนันของจีนแล้วเสร็จ แหล่งก๊าซดังกล่าวมีบริษัท แดวู อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น (Daewoo International Corporation) เป็นผู้ดำเนินการ โดยแดวูฯ ถือหุ้น 51% บริษัท ONGC Videsh Ltd. หรือ OVL 17% รัฐวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซพม่า (Myanmar Oil & Gas Enterprise : MOGE) 15% บริษัทก๊าซแห่งอินเดีย (Gas of India Ltd : GAIL) กับบริษัทก๊าซเกาหลี (Kogas) ถือหุ้นฝ่ายละ 8.5% เท่ากัน
เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว มีการเซ็นความตกลงระหว่างกลุ่มบริษัทที่นำโดยแดวูฯ กับบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติของจีน (China National Petroleum Corporation : CNPC) โดยภายใต้สัญญานี้ กลุ่มแดวูฯ จะส่งก๊าซให้แก่ CNPC ตลอด 30 ปี และราคาก๊าซที่ขายให้แก่จีนจะขึ้นลงตามราคาตลาดโลก โดยจะมีการพิจารณาปรับทุก 3 เดือน CNPC เป็นบริษัทแม่ของปิโตรไชน่า (PetroChina) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันใหญ่อันดับ 1 ของจีน และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นครเซี่ยงไฮ้
ลาว
บริษัท อาร์โกนอทรีสอร์สเซส จำกัด (Argonaut Resources Ltd.) จากออสเตรเลีย ซึ่งได้รับสัมปทานสำรวจแร่ทองคำในแหล่งห้วยควาย เขตรอยต่อแขวงเวียงจันทน์กับนครเวียงจันทน์ประกาศว่าได้พบแร่ทองคำเกรดดีปริมาณมาก โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อปฏิบัติงาน และจะเริ่มเจาะสำรวจชั้นแหล่งแร่ในแหล่งดังกล่าวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้อาร์โกนอทได้ประกาศผลการสำรวจทางธรณีวิทยาในแปลงสัมปทานแขวงเซกอง ตอนใต้สุดของลาว และได้พบสายแร่ใต้ผืนดินปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกัน การประกาศของอาร์โกนอทยังมีขึ้นขณะที่สื่อของทางการรายงานความคืบหน้าของเหมืองทองภูเบี้ยโดยบริษัทแพนออสเตรเลียรีสอร์สเซส จำกัด ซึ่งเริ่มส่งออกและคาดว่าจะส่งรายได้เข้ารัฐได้เป็นครั้งแรกในปีนี้
ตั้งแต่เริ่มการผลิตในเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท ภูเบี้ยไมนิ่ง จำกัด (Phu Bia Mining Co) ผลิต "แร่ทองเข้มข้น" ซึ่งมีทองแดง ทองคำ และแร่เงินผสมกันได้กว่า 92 ตัน ส่งออกแล้วกว่า 81 ตัน ทำรายได้กว่า 89 ล้านดอลลาร์
กัมพูชา
Mey Van อธิบดีกรมอุตสาหกรรมและการเงิน กระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ ของกัมพูชา ได้ปฏิเสธรายงานของหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษพนมเปญโพสต์ ที่ระบุว่ารัฐบาลกัมพูชาได้เลื่อนแผนการเปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของประเทศออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยยืนยันว่าตลาดหุ้นกัมพูชาจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปีนี้ (2552)
การเปิดตลาดหลักทรัพย์ได้เลื่อนจากเดือนกันยายน 2551 หลังจากนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนออกไปเป็นปีหน้าซึ่งหมายถึงปี 2552 พนมเปญโพสต์ ได้อ้างคำกล่าวของ Mey Van ที่ว่ากัมพูชาได้รับผลกระทบจากวิกฤติโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเสื้อผ้าส่งออก ดังนั้นจึงต้องเลื่อนการเปิดตลาดหุ้นออกไป แต่ต่อมาเจ้าตัวได้ออกปฏิเสธรายงานดังกล่าว รัฐบาลเกาหลีและตลาดหลักทรัพย์กรุงโซลได้ให้การช่วยเหลือกัมพูชาในการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์กรุงพนมเปญ เพื่อให้เป็นแหล่งระดมทุนในการพัฒนาประเทศ
เวียดนาม
รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติเงินงบประมาณก้อนแรก 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเริ่มงานเคลียร์หน้าดินตลอดเส้นทาง ที่จะใช้ในการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนความเร็วสูงหรือรถหัวกระสุน (Bullet Train) ซึ่งเวียดนามได้ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีรถซินกันเซ็น (Shinkansen) แบบหัวกระสุน
สื่อของทางการเวียดนามระบุว่านายกรัฐมนตรี Nguyen Tan Dung ได้อนุมัติงบประมาณก้อนดังกล่าวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพื่อเป็นทุนเริ่มต้นตามผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งสำรวจศึกษาโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2549 โดยการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น โครงการนี้ใช้เงินทุนก่อสร้างทั้งสิ้น 33,000 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนทั้งในรูปเงินร่วมลงทุนกับเงินกู้ ส่วนเวียดนามจะระดมทุนอีก 23,100 ล้านดอลลาร์สมทบ โดยในนั้น 9,900 ล้านดอลลาร์ จะเป็นเงินทุนของบริษัทรถไฟเวียดนาม
คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2578 ซึ่งจะช่วยร่นเวลาเดินทางระหว่างกรุงฮานอยกับนครโฮจิมินห์ให้เหลือเพียง 6 ชั่วโมงเศษ จากปัจจุบัน 28-30 ชั่วโมงด้วยรถไฟปกติ
|
|
|
|
|