|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ข่าวการปรับแม่ทัพใหม่ของ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ทำให้ห้องแถลงข่าวภายในโรงแรมดุสิตธานีเมื่อกลางเดือนมกราคมอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยสื่อมวลชนและผู้บริหาร เพราะเป็นการเปลี่ยนตัวกรรมการผู้อำนวยการคนที่ 3 ในรอบ 7 ปี
งานแถลงข่าวที่ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง จัดขึ้นในวันนั้นมีผู้บริหาร 3 คนที่นั่งอยู่บนเวทีคือ สรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม ประธานกรรมการ ญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ และพิเชษฐ สิทธิอำนวย
ผู้บริหารที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ด้านล่างคือ ชอง โท ประธานคณะกรรมการบริหาร ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการคนแรกของ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวงมาก่อน
การเปิดตัวพิเชษฐ สิทธิอำนวย วัย 43 ปี ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการของ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวงที่มีผลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นว่าองค์กรแห่งนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงโดยให้พิเชษฐสานต่อธุรกิจ
โดยมีเป้าหมายหลักให้พิเชษฐนำพาบริษัทให้ติด 1 ใน 5 บริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยจากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับที่ 7
การเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ทำให้ญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กล่าวด้วยตนเองว่า เต็มใจลดบทบาทจากที่เคยนั่งในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการมานาน 3 ปี
ส่วนบทบาทใหม่ของญาณศักดิ์จะกลายเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุน การทำงานของพิเชษฐ และทีมงาน ส่วนตัวเขาจะมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหาร และมีหน้าที่ในการชักนำธุรกิจต่างๆ เข้ามาให้กับ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง และใช้เวลาส่วนหนึ่งทำกิจกรรมต่างๆ ภายนอกที่จะเป็นประโยชน์กับบริษัทและอุตสาหกรรม
บทบาทการทำงานของญาณศักดิ์จะเรียบง่ายและไม่ได้ตัดขาดจากบัวหลวง และที่สำคัญเขายังอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้น 1.17% รวมถึงปรารถนา ภรรยาของเขาถือหุ้น 0.003%
ญาณศักดิ์ปฏิเสธไม่มีความขัดแย้งใดๆ และไม่มีการบีบหรือกดดันเขา หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเชื่อว่าจะไม่มีภาพของเขา นั่งร่วมแถลงข่าวกับผู้บริหารของ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างแน่นอน
สำหรับพิเชษฐไม่ได้เป็นผู้บริหารใหม่ของบัวหลวง เพราะเขาเป็นกรรมการตรวจสอบ กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบ แทนตั้งแต่ปี 2548 ที่ผ่านมา ทำให้เขาคุ้นเคยการทำงานและรู้แนวทางเป้าหมายของ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง
และก่อนหน้านี้เขามีประสบการณ์ทำงานร่วมกับญาณศักดิ์ที่ บล.เจ.เอฟ.ธนาคม ร่วม 6 ปี
การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารไม่ได้เปลี่ยนตำแหน่งในส่วนของกรรมการผู้อำนวยการเพียงตำแหน่งเดียว แต่ได้เลื่อนตำแหน่งผู้บริหารอีก 3 ราย ได้แก่ กำธร ศิลาอ่อน และวรารัตน์ ชุติมิต ขึ้นเป็นรองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ จากเดิมที่อยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ
และได้แต่งตั้งอรนุช วชิรัคศศวกุล เป็นรองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์สถาบัน จากเดิมเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์สถาบัน
การปรับเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ทำให้ทีมงานกล้าที่จะเปลี่ยน แปลงเป้าหมายแม้รู้ดีว่าธุรกิจหลักทรัพย์จะมีความผันผวนมากจากผลกระทบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เป้าหมายของบริษัทจะเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 4% ใน 2551 เป็น 5% ในปี 2552 เพิ่มส่วนแบ่งธุรกิจอนุพันธ์จาก 4.7% ใน 2551 เป็น 5.2% โดยเน้นกลยุทธ์เรื่อง Wealth Management สำหรับลูกค้าบุคคล
ส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจจะเพิ่มรายได้จาก 90 ล้านบาท เป็น 120 ล้านบาท โดยเน้นในส่วนการเป็นที่ปรึกษาการควบรวมกิจการ และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น จากประมาณ 11,000 ล้านบาท ในปี 2551 เป็น 14,000 ล้านบาท ในปี 2552
รวมทั้งจะเริ่มดำเนินธุรกิจยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ในไตรมาส 2 เชื่อว่าจะมีศักยภาพที่ดีในอนาคต
การเปลี่ยนแปลง บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ครั้งนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนผู้บริหารเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ให้มีหลายมิติมากขึ้นทั้งด้านธุรกิจและบุคลากร
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่ คำตอบกำลังรออยู่แล้วเบื้องหน้า
|
|
|
|
|