ก่อนถึงปีมังกรทอง ยุทธจักรเอเยนซี่ในบ้านเราเกิดความปั่นป่วน จอมยุทธระดับยอดฝีมือ
ชีพจรลงเท้าย้ายสำนักกันเป็นว่าเล่น มีบ้างไปตังสำนักใหม่ บ้างก็อำลาวงการไปเลย
อะไรเป็นสาเหตุของมรสุมครั้งนี้
ปี 2530 เศรษฐกิจดีขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงหลายประการ ธุรกิจหลาย ๆ ประเภทฟื้นตัวเห็นได้ชัด
แต่วงการเอเยนซี่แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในรอบหลายปี
คือการโยกย้ายของคนโฆษณาอย่างไม่หยุดนิ่ง เหมือนความคิดสร้างสรรค์ของเขานั่นเอง!
ดูจากตารางการโยกย้ายคนโฆษณาในปีนี้ เห็นได้ชัดว่ามีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ต้นปี
เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมมีพนักงานลาออกในสองเอเยนซี่ใหญ่ ๆ โดยเฉพาะแห่งหลัง
(เทดเบทส์) ไมเคิล ไรอัน กรรมการผู้จัดการเทดเบทส์และลูกน้องตบเท้าลาออกจนสำนักงานเกือบร้าง
จากนั้นว่างเว้นไป 3 เดือน จนถึงเดือนพฤษภาคมเริ่มมีการโยกย้ายอีกครั้งหนึ่ง
3 เดือนที่ว่างเว้นไปนั้นเปรียบเสมือนความสงบก่อนเกิดพายุใหญ่
รูดิเก้ ไรนิเก้ กรรมการผู้จัดการ ดีดีบี นีดแฮม เวิลด์ไวด์ สูญมือดีติด
ๆ กันสองคนในเดือนมิถุนายน หลังจากเสียสุวิทย์ วิมุตตานนท์ไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม
และการสูญเสียคนระดับกรรมการผู้จัดการของลินตาสรวมทั้งครีเอทีฟไดเร็คเตอร์
และครีเอทีฟ กรุ๊ปเฮด ทั้งสามคนในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยแม้ว่าจะเป็นเอเยนซี่ที่มียอดบิลลิ่งอันดับหนึ่งของเมืองไทยก็ตามที
เดือนมิถุนายนอีกเช่นกัน ไทยอิมเมจ แอดเวอร์ไทซิ่ง ต้องสูญเสียสายัณห์
สุธรรมสมัย ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์มือดีและเป็นกรรมการบริหารผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่ต้น
และในเดือนถัดไป อุทัย ลิมลาวัณย์ ก็ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า
ล่าสุด ดนัย เยาหะรี ก็จากไทยอิมเมจไปอีกคน นับเป็นการสูญเสียที่ยุพน ธรรมศรี
กรรมการผู้จัดการต้องคิดหนักกับทิศทางของเอเยนซี่ขนาดกลางแห่งนี้
สำหรับโอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ยักษ์ใหญ่อันดับสองรองจากลินตาสก็หลีกไม่พ้นกับวงจรนี้เช่นกัน
สุนันทา ตุลยธัญ เริ่มประสบกับปัญหานี้เมื่อเดือนสิงหาคม เมื่อสุรพล ลีนิรนดรลาออกจากตำแหน่ง
แอคเคาท์ ซุปเปอร์ไวเซอร์ สองเดือน ดลชัย บุญรัตเวช ก็ลาออกไปอีกคน ล่าสุดพลชาติ
ไกรบุญ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโฆษณาและหนึ่งในกรรมการบริหารก็อำลาบริษัทที่เขาเคยร่วมงานมาถึง
7 ปีไปอีกคน
และนี่คือภาพคร่าว ๆ ของการเปลี่ยนแปลงคนเอเยนซี่ในปี 2530
เทคโอเวอร์
ในสหรัฐอเมริกาการรวมกิจการหรือซื้อกิจการ (เทคโอเวอร์) เป็นเรื่องธรรมดาเอามาก
ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน บริษัทรับปรึกษาด้านนี้โดยเฉพาะมีออกมากมาย
อาจเป็นเพราะบางบริษัทคิดว่าการซื้อกิจการจะทำให้ผลกำไรเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าจะมากขึ้น
เพราะสามารถกำจัดคู่แข่งได้ ลูกค้าที่เคยเป็นคู่แข่งก็กลับมาเป็นของบริษัทที่ซื้อกิจการ
ประสิทธิภาพสูงขึ้นเพราะเป็นการรวมกันระหว่างสองบริษัทที่มีการทำงานคล้าย
ๆ ในธุรกิจประเภทเดียวกัน
แต่สำหรับการซื้อกิจการหรือการรวมกิจการ ในวงโฆษณาเหตุการณ์เช่นที่ว่า
"ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด" คนเอเยนซี่พูด กำไรอาจไม่เพิ่มขึ้นอย่างที่คาด
ปัญหาต่าง ๆ อาจตามมามากมาย
กรณีซาทชิแอนด์ซาทชิ เทคโอเวอร์เทดเบทส์ เวิลด์ไวด์ เมื่อกลางปี 2529 ส่งผลกระทบกระเทือนอย่างใหญ่หลวงมาถึงประเทศไทย
เพราะ "ซาทชิแอนด์ซาทชิ เขามีนโยบายดอมิเนทเอเยนซี่ที่เขาเทคโอเวอร์มา
เห็นได้ชัดจากการปลดโรเบิร์ต จาโคบี้ ประธานเทดเบทส์ เวิลด์ไวด์เพราะปฏิเสธที่จะบอกแผนการกับผู้บริหาร"
ผู้รู้บอก
ผลการเทคโอเวอร์เทดเบสท์ในครั้งนี้ ทำให้เทดเบทส์สูญแอคเคาท์ของคอลเกตที่เป็นเส้นเลือดใหญ่และสินค้าอีกหลายตัว
และผลกระทบจากการซื้อเทดเบทส์ของซาทชิแอนด์ซาทชิก็มาถึงเมืองไทย ไมเคิล
ไรอัน กรรมการผู้จัดการเทดเบทส์ (ประเทศไทย) "ไม่พอใจมากที่ประธานโรเบิร์ตถูกปลด"
คนเทดเบทส์บอกในครั้งนั้น "ถ้าซาทชิแอนด์ซาทชิเข้ามาความถูกต้องของเทดเบทส์ต้องมีปัญหาแน่
ๆ" คนใกล้ชิดไมเคิล ไรอัน กล่าวต่อ
เดวิด บีคร้อฟ ได้รับการแต่งตั้งจากซาทชิแอนด์ซาทชิ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการภาคที่ฮ่องกงจากการตรวจสอบบัญชีเทดเบทส์
(ประเทศไทย) เขาพบว่ามีลักษณะ "ไม่ชอบมาพากล"
ไมเคิล ไรอัน ปฏิเสธข่าวนี้โดยสิ้นเชิง
นอกจากซาทชิแอนด์ซาทชิจะบีบไรอันในเรื่องบัญชีแล้ว ยัง "บีบให้เขาลดค่าใช้จ่าย
ตัดพนักงานลง แต่ให้เพิ่มรายได้" คนวงในบอก
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ การทำอย่างนี้เท่ากับเป็นการบีบบังคับไรอันโดยตรง
เพราะการที่เทดเบทส์ถูกเทคโอเวอร์ก็ทำให้ เทดเบทส์เจ็บช้ำระกำทรวงมากพออยู่แล้ว
ต้องสูญเสียแอคเคาท์จำนวนมหาศาลของคอลเกตปาล์มโอรีฟทันที เพราะ "ซาทชิแอนด์ซาทชิถือแอคเคาท์ของพร็อกเตอร์แอนดแกมเบิ้ลที่เป็นสินค้าคู่แข่งอยู่"
เป็นเหตุผลที่ถูกยกขึ้นมาอ้าง
ในเมืองไทยการสูญเสียแอคเคาท์ของคอลเกตยิ่งเสมือนการ "บอนไซ"
เทดเบทส์ (ประเทศไทย) ที่มีไมเคิล ไรอันเป็นกรรมการผู้จัดการโดยตรง เพราะยอดบิลลิ่ง
1 ใน 3 ของเทดเบทส์มาจากคอลเกต การสูญเสียคอลเกตไปเท่ากับการเสียเส้นเลือดใหญ่ไป
ยิ่งกว่านั้น สินค้าต่าง ๆ ค่อยทยอยเปลี่ยนเอเยนซี่ โดยเฉพาะการที่ซาทชิแอนด์ซาทชิบีบให้เทดเบทส์
(ประเทศไทย) ให้ปล่อยแอคเคาท์ของสายการบินการูด้าที่ให้เทดเบทส์ (ประเทศไทย)
เป็นผู้จัดสรรการซื้อมีเดียไป เพราะว่าซาทชิแอนด์ซาทชิมีลูกค้าที่เป็นสายการบินอยู่แล้ว
ถึงจุด ๆ นี้ไมเคิลก็ทนไม่ได้แล้ว เขาประกาศลาออกเมื่อวันที่ 16 มกราคม
ด้วยความไม่พอใจ
ไมเคิล ไรอัน เดินแผนตอบโต้ด้วยการยกเลิกการจดทะเบียนเสียภาษีกับกรมทะเบียนการค้า
ทำให้บริษัทเทดเบทส์ (ประเทศไทย) กลายเป็นบริษัทเถื่อนทันทีเพราะในฐานะของเทดเบทส์ไม่เหมือนกับบริษัททั่วไป
เทดเบทส์ (ประเทศไทย) ถือเป็นสาขาหนึ่งของเทดเบทส์ เวิลด์ไวด์ที่นิวยอร์ค
รัฐบาลไทย-สหรัฐอเมริกา มีข้อตกลงให้บริษัทสหรัฐฯ มีสิทธิประกอบธุรกิจได้ในเมืองไทยเช่นเดียวกับบริษัทคนไทย
(ตามสนธิสัญญาพิเศษระหว่างไทย-อเมริกา) และมีข้อยกเว้นในกฎหมายการจดทะเบียนการค้าว่าด้วยธุรกิจต่างด้าวบางประเภทที่ไม่ต้องจดทะเบียนการค้า
ธุรกิจทำโฆษณาก็อยู่ในกฎนี้ด้วย
เทดเบทส์ก็ได้อภิสิทธิ์นี้ แต่สิทธิ์นี้หมดไปเมื่อซาทชิแอนด์ซาทชิเป็นเจ้าของใหม่ของเทดเบทส์
เพราะซาทชิแอนด์ซาทชิถือสัญชาติอังกฤษ เทดเบทส์ไม่ได้รับอภิสิทธิ์นี้ต่อไป
เมื่อไมเคิล ไรอัน ไปถอนการจดทะเบียนการเสียภาษีกับกรมทะเบียนการค้า เทดเบทส์
(ประเทศไทย) จึงกลายเป็นบริษัทเถื่อนทันที เท่านั้นยังไม่พอ ไมเคิล ไรอันได้
"แอบไปจดทะเบียนบริษัทเทดเบทส์ที่เป็นบริษัทของคนไทย เมื่อปี 2527"
คนในกรมทะเบียนการค้าบอก
แต่จริง ๆ แล้ว "ไรอันตั้งใจจะโอนหุ้นให้บริษัทแม่ที่นิวยอร์ค เห็นได้จากเขาลงลายมือชื่อในตราสารการโอนหุ้นมอบให้บริษัทแม่ที่อเมริกา"
คนใกล้ชิดไรอันบอก
เพราะไมเคิล ไรอัน ไม่พอใจนโยบายอันก้าวร้าวของซาทชิแอนด์ซาทชิตั้งแต่สั่งปลดโรเบิร์ต
จาโคบี้ "23 ธันวาคม 2529 ไมเคิล ไรอันได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้ตราสารโอนหุ้นบริษัทเทดเบทส์ที่ไรอันแอบจดทะเบียนไว้แล้วโอนลอยให้บริษัทแม่ที่นิวยอร์คเป็นโมฆะ
และได้ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนหุ้นบางส่วนของกรุงเทพฯ เพื่อไม่แสดงความประสงค์จะโอนหุ้นให้อีกต่อไป"
ผู้รู้เบื้องหลังแฉ
หลังจากนั้นเขาก็ออกไปตั้งบริษัทใหม่เอเอ็มแอนด์อาร์
และหลังจากนั้นเทดเบทส์ของซาทชิแอนด์ซาทชิฟ้องไมเคิลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
แต่ภายหลังก็ประนีประนอมกันได้ เรื่องยุติตรงที่เทดเบทส์ไม่ฟ้องไมเคิล ไรอัน
ไม่ฟ้องพนักงานที่ออกจากเทดเบทส์และไม่ฟ้องลูกค้าที่ไปอยู่กับบริษัทใหม่ที่ไมเคิล
ไรอันตั้งขึ้น ส่วนไมเคิล ไรอันจะคืนหุ้นที่มีอยู่เดิมให้เทดเบทส์ เวิลด์ไวด์
อิงค์ ส่วนเทดเบทส์ของซาทชิแอนด์ซาทชิเปลี่ยนชื่อเป็น ทีบีแอล มีปีเตอร์
คูลลิ่ง เป็นกรรมการผู้จัดการ มีคุณหญิงชัชนี จาติกวณิช เป็นประธานในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
วันที่สิ้นสุดเรื่องราววุ่น ๆ คือวันที่ 23 เมษายน รวมแล้วเป็นเวลา 3 เดือน
ไมเคิล ไรอัน ซึ่งได้ออกไปตั้งเอเอ็มแอนด์อาร์นั้นภายหลังได้เข้าร่วมกับเอเยนซี่อันดับ
9 ของโลก ดีเอ็มบีแอนด์บี
และนี่เป็นผลลัพธ์จากการที่ซาทชิแอนด์ซาทชิเทคโอเวอร์เทดเบทส์ นั่นเพราะวัฒนธรรมองค์กรเข้ากันไม่ได้ประการหนึ่ง
ผลเสียของการเทคโอเวอร์มีอีกหลายประการ การสร้างสรรค์ในด้านครีเอทีฟซึ่งเป็นจุดใหญ่ของเอเยนซี่
กลับต้องมายุ่งยากด้านการเงินเหมือนกับที่เดวิด โอกิลวี่ กล่าวไว้ว่า "การซื้อเอเยนซี่มันเป็นเกมของอันธพาล
ปัญหาก็คือว่าต้องจัดการกับมรดกที่บกพร่องเสียก่อนจึงจะกำไรได้"
เดือนมิถุนายนปีนี้ 13 เดือนหลังจากเทดเบทส์ถูกเทคโอเวอร์ เจดับบลิวทีกรุ๊ป
บริษัทแม่ของเอเยนซี่เจวอลเตอร์ทอมป์สัน เอเยนซี่อันดับ 4 ของโลกถูกดับบลิวพีพี
บริษัทการตลาดสัญชาติเดียวกับซาทชิแอนด์ซาทชิ ที่มียอดขายเพียง 35 ล้านดอลลาร์
ซื้อด้วยราคาถึง 556 ล้านดอลลาร์
ผลกระทบจากการเทคโอเวอร์ครั้งนี้รุนแรงมากสำหรับเอเยนซี่อันดับ 4 ของโลก
ลูกค้ารายใหญ่ ๆ ถอนแอคเคาท์อย่างมโหฬาร
เบอร์เกอร์ คิง คอร์ป ประกาศย้ายแอคเคาท์ 200 ล้านดอลลาร์ ไปอยู่เอ็นดับบลิว
เอเยอร์ กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ก็ถอนแอคเคาท์ 25 ล้านดอลลาร์ เอส.
ซี. จอห์นสันแอนด์ซัน ก็ถอนแอคเคาท์มูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ด้วย จนล่าสุดเป๊ปซี่
สไลด์ถอนแอคเคาท์ "เหตุผลหนึ่งเป็นไปได้ว่าเพราะบริษัทอเมริกันไม่ชอบบริษัทโฆษณาอังกฤษ
ที่มันเป็นการเสียศักดิ์ศรีที่จิ๋วมาฮุบยักษ์" กรรมการผู้จัดการบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งให้ความเห็น
ผลิตบุคลากรไม่ทัน
เศรษฐกิจไทยเติบโตมากในปีนี้ แต่เศรษฐกิจไทยเพิ่งจะเติบโตในช่วงเวลาไม่กี่สิบปีมานี้เอง
โฆษณาที่เป็นเครื่องมือของบรรดาสินค้าต่าง ๆ ก็เติบโตในระยะเวลาอันสั้นเช่นกัน
กล่าวได้ว่าวงการโฆษณาเมืองไทยเพิ่งจะบูมในเมืองไทยเมื่อไม่ถึงสิบปีมานี้
5 ปีที่ผ่านมางบโฆษณาเพิ่มมากขึ้นจาก 2,433 ล้านบาทในปี 2524 เป็น 2,712
ล้านในปี 2525 และ 3,535 ล้านบาทเมื่อปี 2526 ซึ่งเพิ่มมากถึง 30.35% ในปี
2527 ถีบตัวไปถึง 4,716 ล้าน ปี 2528 ยังสูงถึง 5,348 ล้าน แม้เศรษฐกิจตกต่ำ
ย่างเข้าปีนี้จึงเป็นปีที่เอเยนซี่กอบโกยกันอย่างเต็มที่ ทุกเอเยนซี่ต่างมุ่งสนองความต้องการของลูกค้า
ประสิทธิภาพสูงสุดคือสิ่งที่เอเยนซี่นำเสนอแก่ลูกค้าในช่วงเวลานี้ บุคลากรใหม่ในวงการโฆษณามีไม่เพียงพอ
คนใหม่ ๆ ที่สร้างก็ยังไม่มีบทบาทอย่างจริงจังคนที่ยังทรงบทบาทอยู่ก็คือบรรดามือเก่า
ๆ ที่อยู่ในวงการมานาน
"คน" ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดในวงการเอเยนซี่ จึงมีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุด
ซึ่งมากที่สุดในปีนี้
ตำแหน่งที่มีการโยกย้ายกันบ่อยมาก ที่มากที่สุดก็คือฝ่ายสร้างสรรค์ ใครสามารถมีฝ่ายสร้างสรรค์ฝีมือดี
ๆ หมายถึงสามารถกุมลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง ในปีนี้อีกเช่นกันที่ฝ่ายสร้างสรรค์ระดับผู้อำนวยการฝ่ายย้ายกันบ่อย
สุชาติ วุฒิชัย จากเทดเบทส์ ไปดีเอ็มบีแอนด์บี ศราวุธ ไกรกรรดิ จากลินตาส
ไปดามาสค์ หรือต่อ สันติศิริ จากลินตาสไปสปา จนถึงสายัณฆ์ สุธรรมสมัย จากไทยอิมเมจ
ไปดีเอ็มบีแอนด์บี ดลชัย บุณยรัตเวช จากโอกิลวี่ไปดีวายอาร์ และดนัย เยาหะรี
จากไทยอิมเมจ เช่นกัน รวมถึงรอล สปอลดิ้งซึ่งเป็นประธานกรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของฮิวจ์
ก็อำลาจากเอเยนซี่ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง
นอกจากบรรดาครีเอทีฟระดับผู้อำนวยการฝ่ายจะย้ายงานกันมากแล้ว ระดับรอง
ๆ ของฝ่ายนี้ก็ลาออกกันเป็นว่าเล่น บรรดาครีเอทีฟเหล่านี้มักจะเวียนว่ายอยู่ในวงการเอเยนซี่
ครีเอทีฟหลาย ๆ คนดูจากตารางมีอยู่หลายคนที่ย้ายไปแล้วได้ตำแหน่งสูงขึ้นกว่าเดิม
เช่น ต่อ สันติศิริ จากครีเอทีฟกรุ๊ป เฮด ของลินตาส ไปสู่ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์
ของสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง หรือกรณีดลชัย บุณยรัตเวช จากฝ่ายสร้างสรรค์ของโอกิลวี่
ไปเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของดีวายอาร์
นอกจากฝ่ายสร้างสรรค์แล้ว ฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่ายบริหารงานลูกค้า มีการย้ายบริษัทมากเป็นพิเศษเช่นกัน
เป็นที่น่าสังเกตว่าฝ่ายเหล่านี้ทำงานด้านการตลาด ที่ไม่ค่อยมีความผูกพันกับวงการโฆษณาเหมือนกับบรรดาครีเอทีฟ
มีอยู่หลายรายที่ออกจากตำแหน่งเหล่านี้ไปและออกไปทำงานด้านอื่นเลย ดังเช่นการลาออกของระดับผู้อำนวยการฝ่ายทั้งสามของดีดีบี
นีดแฮม เวิลด์ไวด์ ไม่มีใครที่ย้ายไปอยู่บริษัทโฆษณาเลย สมชาย เตยะธิติ ไปอยู่บางกอกแอธเลติค
ศรีธวัฒน์ อิทธิระวิวงศ์ไปเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด นูทรี คอสเมติคส์ หรือสุวิทย์
วิมุตตานนท์ไปทำงานด้านอิมปอร์ต เอ็กซปอร์ตที่ฮ่องกงเลย อุทัย ลิมลาวัณย์ไปเป็นผู้จัดการฝ่ายธุรกิจทั่วไปบริษัทพารากอนเพ้นท์
อย่างไรก็ตามสาขาที่ไปทำงานส่วนมากก็จะไม่พ้นด้านการตลาด และส่วนใหญ่บรรดาผู้อำนวยการฝ่ายต่าง
ๆ เหล่านี้ก็ยังคงเวียนว่ายและเกี่ยวข้องในวงการโฆษณาเช่นเดิม
สาเหตุของการย้ายฝ่ายบริการลูกค้านี้ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะว่ามีการย้ายแอคเคาท์ของบริษัทโฆษณามาก
บรรดาคนเหล่านี้ก็ถูกดึงตัวไปเพื่อดูแลแอคเคาท์ลูกค้าที่เคยดูแลในบริษัทเดิม
เส้นทางนักโฆษณารุ่นเก่าจาก "มืออาชีพ" สู่ "เถ้าแก่"
และผลจากการที่วงการโฆษณาเติบโตเอามาก ๆ ในปีนี้เช่นกัน ทำให้บรรดามืออาชีพรุ่นเก่า
เริ่มออกมาทำธุรกิจของตนเอง สาเหตุอื่น ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าอึดอัดในบริษัทเก่า
หรืออยู่ไปก็ไม่ได้ขึ้นแน่ ๆ หรืออาจถูกแขวนให้ไม่มีงานทำ และถูกบีบเนื่องจากนโยบายของเจ้าของบริษัทใหม่
ประกอบกับบรรดานักโฆษณาที่เด่น ๆ ในเมืองไทยยังมีจำกัดชนิดนับตัวได้
ผลก็คือการพาเหรดกันออกมาตั้งบริษัทโฆษณาขายตัวเอง เพราะเชื่อมั่นว่าตลาดในเมืองไทยยังมีช่องทางให้เดินอีกมาก
และชื่อเสียงของตนเองยังขายได้ ที่สำคัญระดับที่ออก ๆ มานี้มักจะเป็นระดับยักษ์
กรรมการผู้จัดการ ที่ติดต่อกับลูกค้าอยู่แล้ว เมื่อออกจากบริษัทเดิมมาแอคเคาท์ลูกค้ามักจะตามมา
อย่างกรณีของเทดเบทส์เห็นได้ชัด
การลาออกของบรรดามืออาชีพเหล่านี้ส่วนมากมักจะชวนบรรดาลูกน้องเก่า ๆ ที่เคยร่วมงานกันตามมาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาครีเอทีฟไดเรคเตอร์ทั้งหลายซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ
ที่ตามมาคือบรรดาฝ่ายบริการลูกค้า และฝ่ายบริหารงานลูกค้า เป็นลำดับ
อย่างไรก็ตามการลาออกของคนโฆษณายังคงมีอยู่ตลอดไป เป็นวงจรอันน่าเบื่อหน่ายอย่างนี้
เพราะ "คน" เป็นสินทรัพย์สำคัญที่สุดในวงการเอเยนซี่?