Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 มกราคม 2552
ต้นทุนหุ้นกู้ถูกบ.ข้ามชาติระดมทุนผ่านลูก             
 


   
search resources

Funds
ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์




บลจ.ชี้ ต้นทุนออกหุ้นกู้ไทยแสนถูก จูงใจเอกชนข้ามชาติ ใช้เครือข่ายบริษัทลูก ใช้เป็นช่องทางระดมทุนส่งเงินกลับบริษัทแม่ในต่างประเทศ ระบุแม้จะเป็นโอกาส แต่นักลงทุนต่างชาติไม่สนใจ เหตุคุณภาพยังด้อยกว่า แม่อันดับเครดิตเท่ากัน "เอวายเอฟ" ประเมินทิศทางกองทุนตราสาหนี้ เงินจ่อไหลเข้ามันนี่มาร์เกต ด้าน "กสิกรไทย" ระบุ ดอกเบี้ยระยะสั้น ยังลงได้อีก ส่วนระยะยาวมีสัญญาณขาขึ้น รับซัพพลายในตลาดล้น ห่วงเงินกลับจากเกาหลี 2 แสนล้าน กดดอกเบี้ยลงใก้ลเงินฝาก

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ บริษัทเอกชนเริ่มหันกลับมาออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการเงินจนสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกลดลง ซึ่งการออกหุ้นกู้ดังกล่าว รวมไปถึงกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาเปิดกิจการในประเทศไทยด้วย

โดยการออกหุ้นกู้ของกลุ่มบริษัทข้ามชาตินี้ นอกจากจะระดมทุนเพื่อใช้เป็นสภาพคล่องในประเทศแล้ว ยังรวมถึงระดมทุนเพื่อส่งกลับไปยังบริษัทแม่ในต่างประเทศด้วย เนื่องจากการออกหุ้นกู้ในไทยมีต้นทุนที่ค่อนข้างถูกกว่า ดังนั้น ในส่วนของบริษัทเอกชนข้ามชาติ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินไหลออกไป เช่นหุ้นกู้ของบริษัทโตโยต้า ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง

"ตลาดการเงินไทยอยู่ในภาวะผิดปกติ เพราะต้นทุนในการออกหุ้นกู้ค่อนข้างถูกมาก ถ้าเทียบกับหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตระดับเดียวกันในต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีผลเชิงลบด้วยเช่นกัน เพราะเงินลงทุนต่างชาติคงไหลเข้ามาในตลาดบ้านเราไม่มาก เนื่องจากไม่มีความจูงใจ"นายประภาสกล่าว

นายประภาสกล่าวต่อถึงทิศทางการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ว่า ปัจจุบันผลตอบแทนของการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่กำหนดอายุการลงทุน (ฟิกซ์เทอม) ระยะสั้น 3 เดือนหรือ 6 เดือนลดลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) และดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ในส่วนของกองทุนมันนี่มาร์เกตนั้น จะพบว่าผลตอบแทนยังดีกว่าและลดลงช้ากว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังมีตราสารหนี้ที่ลงทุนอยู่เดิมหลงเหลืออยู่ ซึ่งจากผลตอบแทนที่ยังสูงอยู่ ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนยังกังวลการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน ทำให้เงินไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เกตมากขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่ากองทุนมันนี่มาร์เกตจะโตมากขึ้นในปีนี้

ด้านนายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ผู้จัดการกองทุน ฝ่ายจัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้ ในส่วนของตราสารหนี้ระยะสั้น ยังมีแนวโน้มปรับลดลงไปได้อีก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในส่วนของตราสารหนี้ระยะยาว กลับมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นไปได้ เนื่องจากปัจจุบัน มีซัพพลายออกมาในตลาดค่อนข้างมาก ประกอบมีการขายทำกำไรออกมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยในส่วนนี้ ปรับเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจจะแย่ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวก็มีโอกาสปรับลดลงเช่นกัน

ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนส่วนหนึ่งโยกเงินเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้อายุ 3-5 ปีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังมีส่วนต่าง (สเปรด) ระหว่างตราสารหนี้ระยะยาวประมาณ 3-5 ปี และ 2 ปี ประมาณ 0.30-0.50% แต่หากดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับลดลงอีกครั้ง อัตราผลตอบแทนของตราสารในกลุ่มนี้ก็จะปรับลดลงตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนมันนี่มาร์เกตเอง ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมากองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) ของ บลจ.กสิกรไทยเอง ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น ล่าสุดขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาทจากเงินลงทุนรวมประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งนักลงทุนที่เข้ามาส่วนใหญ่ เนื่องจากกลัวความเสี่ยงและไม่ต้องการลงทุนระยะยาวที่มีความผันผวนสูง ขณะเดียวกัน ยังมีเงินลงทุนส่วนหนึ่งโยกมาจากกองทุนฟิกซ์เทอมที่ครบอายุด้วย

นายวินกล่าวว่า ในปีนี้จะมีเงินลงทุนไหลกลับมาจากกองทุนเกาหลีใต้ประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายนที่จะครบอายุเป็นจำนวนมาก ซึ่งในส่วนนี้ หากกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เกตประมาณครึ่งหนึ่งหรือ 1 แสนล้านบาท รวมกับของเดิมที่มีอยู่ในระบบแล้วประมาณ 2 แสนล้านบาท ก็อาจจะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนปรับลดลงไปได้อีก เนื่องจากจำนวนเงินที่จะเข้ามารวมกว่า3 แสนล้านบาท ไม่สอดคล้องกับซัพพลายในตลาดที่มีออกมาค่อนข้างน้อย และเมื่อถึงจุดนั้นแล้ว หากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากแคบลงก็มีความเป็นไปได้ที่เงินจะไหลกลับเข้าไปในระบบเงินฝากอีกครั้ง ถ้าในช่วงนั้นแบงก์ออกเคมเปญระดมเงินฝากด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของบลจ.กสิกรไทยเอง ก็อยู่ระหว่างการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี เอเอ ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีอายุการลงทุนประมาณ 1 ปี เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีเท่านั้น โดยหลังจากเปิดขายกองทุนเป็นวันแรกไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนพอสมควร ล่าสุด มียอดจองซื้อเข้ามาแล้วประมาณ 500 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนที่เข้ามานั้น ส่วนหนึ่งเป็นเงินลงทุนที่รอลงทุนหลังจากเราหยุดขายกองเกาหลีใต้ไปเมื่อเดือนธันวาคม และส่วนหนึ่งก็เป็นเงินลงทุนใหม่ แต่เงินลงทุนต่อจากกองเกาหลียังไม่มี เนื่องจากในช่วงเดือนนี้ ไม่มีกองทุนที่ครบอายุ

"ปัจจุบันกองทุนเกาหลียังมีรูมให้พอลงทุนได้ และยังมีส่วนต่างดอกเบี้ยกับพันธบัตรรัฐบาลไทยอยู่ โดยกองทุนให้ผลตอบแทนประมาณ 2% ซึ่งกองทุนนี้ เราเลือกลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลเท่านั้น เนื่องจากเชื่อว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ยังมั่นคง และผลกระทบจากหนี้ระยะสั้นที่เป็นความกังวลก็น้อยกว่าที่คาด"นายวินกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us