Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 มกราคม 2552
ปูนใหญ่กระอักหนักสุดรอบ11ปีไตรมาส4/51ขาดทุน3.5พันล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย

   
search resources

เครือซิเมนต์ไทย
กานต์ ตระกูลฮุน
Cement




"ปูนซิเมนต์ไทย" กระอักพิษซับไพรม์ ไตรมาส 4/51 บักโกรก ขาดทุนสุทธิเฉียด 3.5 พันล้านบาท นับเป็นผลขาดทุนครั้งแรกในรอบ 11 ปี ฉุดกำไรทั้งปี 51 ลดลง 45% เหลือเพียง 1.67 หมื่นล้านบาท ผู้บริหารยอมรับยอดขายปีนี้แค่ 2.67 แสนล้านบาท ลดลง 10 %จากปีก่อน เหตุวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ดีมานด์หด และราคาสินค้าต่ำ พร้อมเบรกแผนลงทุน 5ปี มูลค่าแสนล้านบาท รอจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ระบุช่วงวิกฤตเป็นโอกาสให้ปูนใหญ่เข้าไปซื้อหรือควบรวมกิจการในประเทศเพื่อนบ้านง่าย ด้านบอร์ดบริษัทปลอบใจรายย่อย จ่ายปันผลหุ้นละ 7.50 บาท ต่ำสุดในรอบ 4 ปี

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) เปิดเผยว่า จากวิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ทำให้ความต้องการของตลาดลดลงอย่างมากและรวดเร็ว มีทำให้ยอดขายของบมจ.ปูนซิเมนต์ไทยและบริษัทย่อยในไตรมาส 4/2551ลดลง 21%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือเพียง 55,062 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 3,480 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,774 ล้านบาท ลดลง160% ซึ่งเป็นผลขาดทุนจากมูลค่าจากมูลค่าสินค้าคงเหลือ (Stock Loss)รวมทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท นับเป็นการขาดทุนไตรมาส 4 ครั้งแรกในรอบ 11ปีนับจากเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540

“ ปัจจัยที่มีผลทำให้ผลประกอบการไตรมาส 4 /2551ของเครือซิเมนต์ไทยขาดทุนถึง 3,480 ล้านบาท มาจากราคาสินค้าที่ลดลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันโลกที่ตกอย่างรุนแรง จากช่วงที่สูงสุดในเดือนก.ค. 2551 อยู่ที่ 144 ดอลลาร์/บาร์เรล เหลือประมาณ 36 ดอลลาร์/บาร์เรล ในเดือนธ.ค. 2551 ทำให้บริษัทต้องปรับราคาสินค้าคงเหลือและต้นทุนให้เป็นไปตามราคาตลาดที่ลดลงตามมาตรฐานทางบัญชี โดยเคมีภัณฑ์ขาดทุนจาก Stock Lossสูงถึง 4 พันกว่าล้านบาท กลุ่มกระดาษขาดทุน Stock Loss 500 ล้านบาท สินค้าซื้อมาขายไปเช่นเหล็ก ลวด อลูมิเนียมขาดทุน 100 ล้านบาท ”

สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2551 บริษัทปูนซิเมนต์ไทยและบริษัทย่อย มียอดขายรวม 293,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ 16,771 ล้านบาท ลดลง 45%จากปีก่อน เป็นผลจากการขาดทุนจากมูลค่าสินค้าคงเหลือ และกำไรจากส่วนได้เสียของบริษัทร่วมลดลง

กำไรกลุ่มเคมีภัณฑ์ลดฮวบ64%

โดยผลประกอบการปี 2551 แยกตามธุรกิจดังนี้ คือ กลุ่มเอสซีจี เคมิคอลส์ มียอดขายสุทธิ 136,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน กำไรสุทธิ 6,136 ล้านบาท ลดลง 64% เนื่องจากมาร์จินช่วง 3เดือนแรกลดลง และขาดทุนจาก Stock Loss

กลุ่มเอสซีจี เปเปอร์ มียอดขายรวม 47,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%เป็นผลจากการขายผลิตภัณฑ์กระดาษที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก และกำไรสุทธิ 1658 ล้านบาท ลดลง 30% จากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นในช่วง 9เดือนแและขาดทุนจากStock Loss

กลุ่มเอสซีจี ซิเมนต์ พบว่ามียอดขายสุทธิ 49,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เป็นผลจากราคาและปริมาณการส่งออกซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำไรสุทธิ 6,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%จากปีก่อน

จ่ายปันผลหุ้นละ 7.50บ.ต่ำสุดในรอบ4ปี

นายกานต์ กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทฯจะมีกำไรสุทธิงวดปี 2551 ลดลง 45% แต่บริษัทฯมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯจึงอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็นการจ่ายปันผลในอัตรา 54%ของกำไรสุทธิ สูงกว่านโยบายการจ่ายเงินผลที่กำหนดไว้ 40-50%ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 5.50 บาทเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2551 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกหุ้นละ 2 บาทในวันที่ 22 เม.ย.นี้

ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลงวดปี 2551 ที่อัตราหุ้นละ 7.50 บาท นับเป็นการจ่ายปันผลในอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 4ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 15 บาทมาตลอด

ยอดขายปีนี้หดตัว10%

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2552 คาดว่าบริษัทและบริษัทย่อยจะมียอดขายลดลงประมาณ 10%จากปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 2.67 แสนล้านบาทใกล้เคียงปี 2547 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2543 ที่ปูนซิเมนต์ไทยมียอดขายลดลง สืบเนื่องจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ยังมีต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ ทั้งซีเมนต์ กระดาษ และเคมีภัณฑ์ยังชะลอตัว และราคาผลิตภัณฑ์ลดลง เฉพาะปูนซิเมนต์นั้นคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะหดตัวลง ขณะที่ราคาส่งออกซีเมนต์ก็ปรับตัวลงด้วยจากเดิมที่เคยส่งออกได้ตันละ 40กว่าเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันลดลงเหลือ 35-37 เหรียญสหรัฐและมีแนวโน้มจะลดลงอีก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยและทั่วโลก ซึ่งเม็ดเงินงบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาท น่าจะเริ่มลงสู่ระบบก็จะช่วยกระตุ้นความต้องการได้

นอกจากนี้ จากการที่รัฐบาลประกาศเร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ รถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเริ่มก่อสร้างได้ไตรมาส 1/2552 ก็คาดว่าจะทำให้ความต้องการใช้ปูนเพิ่มสูงขึ้น เพราะอสังหาริมทรัพย์รอบเส้นทางรถไฟฟ้าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีนี้ราคาสินค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างทรงตัวหรือปรับขึ้นเล็กน้อย และมีออเดอร์กลับเข้ามา โดยเฉพาะราคาเม็ดพลาสติกHDPEได้ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 100%จากช่วงปลายปีที่แล้วเดินเครื่องจักรเพียง 70% ส่วนกระดาษก็มีการใช้กำลังผลิตอยู่ที่กว่า 90% เนื่องจากการส่งออกอาหารแช่แข็งยังดีอยู่ ยกเว้นซีเมนต์ที่มีกำลังการผลิตแค่ 75% ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐเกี่ยวกับโครงการเมกะโปรเจ็กต์

" ในปี 2551 เครือซิเมนต์ไทยส่งออกปูนซีเมนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 8.2 ล้านตันจากำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นเกือบ 10 ล้านตัน คาดว่าปีนี้บริษัทฯจะส่งออกซีเมนต์ลดลงเหลือ 5-6 ล้านตัน เนื่องจากตลาดส่งออกหดตัวลงและราคาไม่จูงใจ โดยปีนี้บริษัทฯจะส่งออกมากกว่า 33%ของรายได้ "

เบรกแผนลงทุน5ปี1แสนล้าน

นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า เดิมคณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติแผนการลงทุน 5ปีข้างหน้า (2553-2557) ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 แสนกว่าล้านบาทเมื่อช่วงส.ค.2551 เป็นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนปิโตรเคมีและปูนซีเมนต์ แต่เนื่องจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้บริษัทฯทบทวนการลงทุน โดยชะลอการลงทุนโครงการใหม่ไปก่อนจนกว่าผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไป ขณะเดียวกันมองว่าเครือซิเมนต์ไทยจะมีโอกาสที่เข้าไปซื้อหรือควบรวมกิจการมากขึ้น หลังจากมีหลายบริษัทในอาเซียนได้เสนอให้เครือซิเมนต์ไทยเข้าไปร่วมลงทุน

โครงการที่เครือซิเมนต์ไทยชะลอการลงทุนไปได้แก่ โครงการลงทุนปิโตรเคมีครบวงจรในเวียดนาม โครงการลงทุนโรงปูนซีเมนต์ขนาด 2 ล้านตันในอินโดนีเซีย โครงการลงทุนโรงปูนซีเมนต์แห่งที่ 2 กัมพูชา เป็นต้น

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2552 จะใช้เงินลงทุนประมาณ 3.5 -4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนตามแผนงานเดิม ได้แก่การลงทุนในโครงการโอเลฟินส์แครกเกอร์แห่งที่ 2 ใช้เงิน 2.6 -2.7 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2553 ทำให้กำลังการผลิตปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่วนเม็ดเงินลงทุนที่เหลือจะใช้ในโครงการผลิตกระดาษในเวียดนาม จะแล้วเสร็จในปีนี้ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯได้เตรียมเม็ดเงินลงทุนพร้อมแล้ว

ชู4กลยุทธ์หลักรับมือวิกฤตโลก

นายกานต์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯได้วางแผนรับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัวโดยใช้ 4 กลยุทธ์หลักเพื่อที่ฝ่าวิกฤตินี้ได้ และจะเข้มแข็งขึ้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยกลยุทธ์หลักมีดังนี้ คือ 1 .บริหารสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียน โดยสิ้นปี 2551 บริษัทฯมีเงินสดสูงถึง 2.67 หมื่นล้านบาท เงินสดที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการปรับลดปริมาณสินค้าคงคลังในช่วงไตรมาส 4/2551

2. พัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 3. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน เช่นโครงการลดต้นทุนพลังงาน Waste-Heast Power Generation ในโรงงานปูนซีเมนต์ทุกแห่งให้แล้วเสร็จในปี 2552 ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 1.6 พันล้านบาท และ4.เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานตลาดในประเทศและขยายฐานตลาดต่างประเทศ ตลอด 4ปีที่ผ่านมา SCTมีสำนักงานสาขา 31แห่งใน 21ประเทศ โดยเจาะตลาดเพิ่มไปยังแอฟริกาและตะวันออกกลาง ชดเชยตลาดสหรัฐฯที่หดตัวลง

ทั้งนี้ เครือซิเมนต์ไทยมั่นใจว่าจะผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจปีนี้ไปได้ เพราะมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยการบริหารสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาเราลงทุนแบบรัดกุม เมื่อวิกฤตผ่านพ้นไปเชื่อว่าเครือซิเมนต์ไทยจะกลับมาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้เราก้าวสู่การเป็นผู้นำในอาเซียนเร็วกว่าที่ตั้งไว้ในปี 2558

ออกหุ้นกู้เม.ย.2หมื่นล้าน

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เครือซิเมนต์ไทย กล่าวว่า ในช่วงเม.ย.นี้หุ้นกู้จะครบกำหนดวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเครือซิเมนต์ไทยจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้เดิมวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท และเดือนต.ค.จะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่อนอีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าจะออกหุ้นกู้วงเงินเท่าไร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us