|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"โรสมีเดียฯ" ผวาแผ่นผีซีดีเถื่อนยังหลอกหลอน ชี้แนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ปรับหางเสือใหม่ มุ่งหาช่องทางใหม่แบบนิวมีเดีย เพื่อสร้างรายได้ทดแทน ทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์หนังเพิ่ม พร้อมตัดตลาดศูนย์เช่าให้กับทางยูไนเต็ดรับไปทำเพื่อลดความเสี่ยง
นางอรพรรณ มนต์พิชิต บวรวัฒนะ รองประธานสายงานจัดหาและจำหน่ายลิขสิทธิ์ บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาแผ่นผีซีดีเถื่อนในปัจจุบันมีความรุนแรงกว่าเดิมมากขึ้น มาตรการปราบปรามแผ่นผีละเมิดลิขสิทธิ์ยังปราบไม่หมด อีกทั้งตลาดโฮมวิดีโอปีนี้คาดว่าจะแย่ลงกว่าเดิมมาก
นโยบายบริษัทฯจึงได้ปรับทิศทางมุ่งไปหาช่องทางสื่ออื่นๆเพิ่มมากขึ้นแบบนิวมีเดีย เช่น วิดีโอออนดีมานด์ ไอพีทีวี โมบายสตรีมมิ่ง โมบายดาวน์โหลด เพย์เพอร์วิว เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างช่องทางรายได้ใหม่ๆ เนื่องจากสัดส่วนรายได้บริษัทฯที่ผ่านมามาจาก โฮมวิดีโอมากกว่า 50% หรือมาจากตลาดขาย 65% และตลาดเช่า 35% และคาดว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโต 20-25%
ขณะนี้ลิขสิทธิ์หนังใหม่ๆที่บริษัทฯซื้อมาก็จะได้แบบนิวมีเดียด้วยบางเรื่องเช่น "ยิปมัน" ได้ลิขสิทธิ์แบบโมบายดาวน์โหลด รวมทั้งหมดกว่า 20 เรื่องที่จะมีนิวมีเดียแตกต่างกันไป จากเดิมที่ลิขสิทธิ์หนังที่ซื้อมาจะได้แบบออลไรท์อยู่แล้ว โดยเฉลี่ยงบประมาณที่ใช้ซื้อลิขสิทธิ์รวมทั้งหมดอยู่ที่ 400 ล้านบาทต่อปี รวมการ์ตูนด้วย
นอกจากนั้นบริษัทฯได้ปรับแผนเรื่องการทำตลาดศูนย์เช่าใหม่ โดยมอบลิขสิทธิ์การทำตลาดช่องทางศูนย์เช่าให้กับทาง ยูไนเต็ดโฮม เป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่ต้นปีนี้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนและลดความเสี่ยง โดยที่ยังคงมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดิม
"เราเปลี่ยนสถานะจากผู้จำหน่ายศูนย์เช่ามาเป็นผู้ขายสิทธิ์ศูนย์เช่าให้กับทางบริษัท ยูไนเต็ดฯ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเป็นจุดแข็งทำให้โรสฯเติบโตสวนทางกับภาพรวมตลาด ทั้งนี้ปัญหาของการล่าช้าในการพิจารณาตรวจสอบของกองเซ็นเซอร์และผลกระทบของการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มีแนวโน้มที่จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ด้วย"
นางอรพรรณกล่าวว่าโดยปีนี้บริษัทฯได้ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการซื้อลิขสิทธิ์หนังต่างประเทศเข้ามาทำตลาด มากกว่าปีก่อนประมาณ 60-70 ล้านบาท และหนังที่ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นหนังเอเซีย 60% จากเดิมที่เป็นหนังฮอลลีวู้ดกว่า 70% เนื่องจากเชื่อมั่นว่าหนังเอเชียจะกลับมาได้รับความนิยมอีก รวมทั้งค่าลิขสิทธิ์ก็ต่ำลงกว่าช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาที่ราคาสูงผิดปกติเพราะการแข่งขันซื้อลิขสิทธิ์นั่นเอง ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีหนังเข้าฉายในโรงหนังกว่า 16-24 เรื่อง เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 10 กว่าเรื่อง
"เมื่อก่อนนี้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องละ 2 แสนกว่าเหรียญสำหรับหนังเอเชีย แต่ตอนนี้เหลือแค่ 30,000 กว่าเหรียญเท่านั้นเอง ส่วนหนังเกาหลีขึ้นถึง 1.8 แสนเหรียญต่อเรื่องส่วนหนังฮอลลีวู้ดเมื่อก่อนก็พุ่งขึ้นเกินจริงเหมือนกัน เป็นเรื่องจริงที่สัมผัสได้ เพราะเราก็เจอด้วยตัวเอง" นางอรพรรณกล่าว
|
|
|
|
|