เพาเวอร์บาย หว่านงบ 400 ล้านบาท ปรับตัวอัด 4 กิจกรรมยักษ์ใหญ่ เพิ่มพื้นที่ จำนวนร้านค้า โปรโมชัน แถมจัดงานลากยาวขึ้น จับมือพันธมิตรมากขึ้น ไตรมาสแรกเพิ่มเวลาปล่อยสินเชื่อนาน 24 เดือน หวังกระตุ้นยอดขาย หลังเดือนมกราคมอ่วมยอดวูบ 10% พร้อมผุด 5 สาขา สิ้นปีโต 5% จากรายได้ปีที่ผ่านมาพลาดเป้ากวาด 1.1 หมื่นล้านบาท

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่มากขึ้น จากแผนปีนี้เตรียมจัดกิจกรรม 4 ครั้ง ต่อปี ภายใต้การใช้งบ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาไม่เกิน 5% โดยบริษัทเตรียมเพิ่มพื้นที่ในการจัดงาน และเพิ่มจำนวนวันในการจัด จากปกติงานเพาเวอร์บาย เอ็กซ์โป และงานโฮมเวิร์ค ประมาณ 10 วัน เพิ่มขึ้นเป็น 12-13 วัน และเพิ่มการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ตลอดจนจำนวนร้านค้า อีกทั้งบริษัทยังจับมือร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น และการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านเซเว่น แคตตาล็อก

การดำเนินการตลาดในเชิงรุก เพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยพบว่าอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีแนวโน้มมีปัญหา ส่วนกลุ่มที่สินค้าที่น่าเป็นห่วง คือ โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการจับจ่าย ซึ่งภาครัฐควรกระตุ้นด้วยการนำ 3 จี ออกมากระตุ้นผู้บริโภค

ล่าสุดยอดขายของบริษัทเดือนมกราคมปี 2552 ลดลง 10% จากปกติเทศกาลตรุษจีนน่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้ประกอบการหลายแบรนด์ อาทิ โซนี่ พานาโซนิค ฯลฯ ได้ประกาศปิดโรงงาน และไม่เน้นกลยุทธ์ราคาดังเดิม แต่จากสถานการณ์ดังกล่าวโอกาสที่ผู้ประกอบการนำกลยุทธ์ราคามาใช้มีสูง เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมีการทำแคมเปญโปรโมชัน ซื้อสินค้าเงินผ่อน 0% มีระยะยาวขึ้นจาก 12 เดือน เพิ่มเป็น 24 เดือน ล่าสุดปลายเดือนกุมภาพันธ์ จัดงานเพาเวอร์บาย เอ็กซ์โป โดยปีนี้ขยายพื้นที่จาก 5,000 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 6,000 ตารางเมตร ที่ไบเทค

นอกจากนี้บริษัทยังได้ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ขยายสาขาเพาเวอร์บายอีก 5 แห่ง ได้แก่ ถนนศรีนครินทร์, ถนนราชพฤกษ์, ชลบุรี, พัทยา และขอนแก่น จากปัจจุบันมีมากกว่า 80 สาขา อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทมีการวางแผนการตลาดในระยะสั้นลง จากเดิม 6 เดือน เป็น 3 เดือน เนื่องจากระบบไฟแนนซ์มีการทำงานที่สั้นมากขึ้น ทำให้การทำงานของบริษัทมีความยากมากขึ้นเช่นกัน

“ช่วงไตรมาสแรกและสอง บริษัทต้องควบคุมในเรื่องของค่าใช้จ่าย โดยงบบางอย่างอาจมีการปรับลดลงและงบบางอย่างมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่กลางปีจะมีการดำเนินกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลมีเสถียรภาพ คาดว่าปลายปีนี้สภาพเศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้น”

เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของเพาเวอร์บายในช่วง 3 ปีนี้ โจทย์ใหญ่ คือ ทำอย่างไรให้กลุ่มเป้าหมายเมื่อเวลาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วเพาเวอร์บายต้องเป็นแบรนด์แรกที่ผู้บริโภคนึกถึง และที่สำคัญเน้นเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องเชื่อมโยงกับระบบไอทีมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังปรับตัวสู่โลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ล่าสุดพบว่ามีคนเข้าอินเทอร์เน็ตจาก 1,000 ราย เป็น 1 แสนราย

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 5% จากปีที่ผ่านมามีรายได้กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโต โดยมีอัตราการเติบเป็นเป็นตัวเลขหลักเดียว