บล. ไทยพาณิชย์ประเมินดัชนีหุ้น ไทยปี 2547 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นยืน 648-650
จุด เพิ่มประมาณ 25% จากระดับดัชนีปัจจุบัน โดยประเมินจากราคาหุ้นที่บริษัทศึกษา
รวมถึงภาพรวม เศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวต่อเนื่อง เมื่อเทียบข้อมูลปี 2536-2539 ซึ่งเป็นช่วงตลาดฯขาขึ้นหุ้น
5 กลุ่มคาด กำไรพุ่งแรง ขณะที่บริษัทตั้งเป้าเพิ่มทุนเป็น 5 พัน ล้านบาท หวังขยายดีลที่ปรึกษาการเงินรัฐวิสาหกิจ
หลักๆ ปีหน้า รวมทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตทศท. รวม ถึงหุ้นเบียร์ช้างของเจ้าสัวเจริญ
สิริวัฒนภักดี แม้ขาดทุนจากรับหุ้นไทยธนาคารเข้าพอร์ตกว่า 100 ล้านบาทก็ตาม
ม.ล.ชโยทิต กฤดากร กรรมการผู้จัดการบล. ไทยพาณิชย์ ในเครือธนาคาร ไทยพาณิชย์ กล่าววานนี้
(26 ส.ค.) ว่าเมื่อพิจารณารายกลุ่ม อุตสากรรมปีหน้า บริษัทคาด ว่าจะเห็นการปรับตัวดีที่สุดกลุ่มเคมีภัณฑ์
คาดกำไรเพิ่ม ขึ้นประมาณ 100% จากปีนี้ กลุ่มสื่อสาร จะเพิ่มขึ้น 48% กลุ่ม ขนส่ง
45% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 38% และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 34% เนื่องจากอัตราเติบโตธุรกิจ
และบริษัทเพิ่มขึ้น เขาเชื่อว่าหุ้น หลายตัวกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวสมารถให้ผลตอบแทนดี
กว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก หลายกลุ่ม
กลุ่มอุตสาหกรรมที่แนวโน้มจะปรับตัวขึ้นน้อยที่สุด ได้ แก่ กลุ่มพลังงาน คาดเพิ่ม
15% ธนาคาร 13% บันเทิง 10% บริษัทหลักทรัพย์ 4% และเงินทุนและลีสซิ่ง คาดจะลดลง
5%
ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปี 2547 คาดจะปรับตัว เพิ่มขึ้นยืน 648-650 จุด เพิ่มประมาณ
25% จาก ระดับดัชนีปัจจุบัน โดยประเมินจากราคาหุ้นที่บริษัทศึกษา รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบข้อมูลปี
2536-2539 ซึ่งเป็นช่วง ตลาดฯขาขึ้น
10 หุ้นน่าสน
10 บริษัทจดทะเบียนที่คาด ว่าจะปรับตัวขึ้นดีที่สุดปี 2547 ได้แก่ สามารถ (SAMART)
ราคาเฉลี่ย 28.50 บาท ราคาเป้าหมาย 78 บาท ราคาเพิ่มขึ้น 178% แอลพีเอ็น ดีเวล-ลอปเมนท์
(LPN) ราคาเฉลี่ย 33.50 บาท ราคาเป้าหมาย 70-80 บาท เพิ่มขึ้น 109-159% อะโรเมติกส์
(ATC) ราคาเฉลี่ย 20.10 บาท ราคาเป้าหมาย 47 บาท เพิ่มขึ้น 134% พร็อพเพอร์ตี้
เพอร์เฟคท์ (PF) ราคาเฉลี่ย 11.70 บาท ราคาเป้าหมาย 24-26 บาท เพิ่ม 107-121%
บล. พัฒนสิน (CNS) ราคาเฉลี่ย 40.75 บาท ราคาเป้าหมาย 76 บาท เพิ่มขึ้น 86% ไทยสโตเรจ
แบตเตอรี่ (BAT-3K) ราคาเฉลี่ย 66.50 บาท ราคาเป้าหมาย 122 บาท เพิ่มขึ้น 83% วีนิไทย
(VNT) ราคา เฉลี่ย 11.60 บาท ราคาเป้าหมาย 21 บาท เพิ่มขึ้น 81% อุตสาหกรรมปิโตรเคมีแห่งชาติ
(NPC) ราคาเฉลี่ย 72 บาท ราคาเป้าหมาย 130 บาท เพิ่มขึ้น 81% อีจีวี (EGV) ราคาเฉลี่ย
6.40 บาท เป้าหมาย 11 บาท เพิ่มขึ้น 75% และจีเอฟพีที (GFPT) ราคาเฉลี่ย 32 บาท
เป้าหมาย 55 บาท เพิ่มขึ้น 27%
ส่วน 9 หุ้นที่คาดว่าจะแย่ที่สุดปี 2547 ได้แก่ ลานนา (LANNA) ราคาเฉลี่ย 4.10
บาท คาดจะลด เหลือ 2 บาท ลดลง 48% ธนาคารเอเชีย (BOA) ราคาเฉลี่ย 5.35 บาท เป้าหมายลดลง
3 บาท ลดลง 44% บล. เอบีเอ็น แอมโร เอเชีย (AST) ราคาเฉลี่ย 42.50 บาท ราคาเป้าหมาย
24 บาท ลดลง 43% บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) ราคา 6.15 บาท เป้าหมาย
4 บาท บางจากปิโตรเลียม (BCP) ราคาเฉลี่ย 6.90 บาท ราคาเป้าหมาย 5 บาท ลดลง 34%
เค อาร์ พรีซิชั่น (KRP) ราคาเฉลี่ย 3.64 บาท เป้าหมาย 3 บาท ลดลง 30%
ทางด่วนกรุงเทพ (BEC) ราคาเฉลี่ย 260 บาท ราคาเป้าหมาย 200 บาท ลดลง 23% ธนาคารกรุงไทย
(KTB) ราคาเฉลี่ย 9.45 บาท ราคาเป้าหมาย 8 บาทลดลง 15% และโมเดอร์น ฟอร์ม (MODERN)
ราคาเฉลี่ย 28.50 ราคาเป้าหมาย 25 บาท ลดลง 12%
บล.ไทยพาณิชย์เพิ่มทุนเป็น 5 พันล้านบาท
เขากล่าวว่าด้านการดำเนินธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากปัจจุบัน
1.5 พันล้านบาท เป็น 5 พันล้าน บาท อยากดำเนินการภายในปีนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้
ลงทุนขยายธุรกิจบริษัท
ล่าสุด บริษัทถือหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการ กองทุนรวมไทยพาณิชย์ 68% ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ถือ
32% ปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 2 หมื่น ล้านบาทของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัท
ตั้งเป้าหมาย 3 ปี จะเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บล.ไทยพาณิชย์ตั้งเป้าปรับสัดส่วน โครงการสร้างรายได้ 3 ปีข้างหน้าต้องการให้พอร์ตลงทุนหุ้นเพิ่มเป็น
40% ของการลงทุนของบริษัททั้งหมด รายได้จากนายหน้าค้าหลักทรัพย์ 30% และ รายได้ธุรกิจวาณิชธนกิจ
30%
ปัจจุบัน รายได้นายหน้าค้าหลักทรัพย์ 60% ของ รายได้บริษัททั้งหมด และรายได้วาณิชธนกิจ
40% มี โอกาสจะปรับสัดส่วน แล้วแต่ว่าภายในปีนี้ บริษัท จะเป็นที่ปรึกษาการเงินนำบริษัทจดทะเบียนในตลาด
หุ้นไทยจำนวนเท่าใด
ขณะนี้ลูกค้าเซ็นสัญญาแล้ว แต่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ได้แก่ บริษัทกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
3 บริษัท ขนาดระดมทุนรวมประมาณ 6-8 พันล้านบาท บริษัทอุปโภคบริโภค 1 บริษัท 1.5-2
พันล้านบาท กลุ่มธุรกิจสื่อและสื่อสาร 1 บริษัท มูลค่า 8 ร้อย ล้านบาท
ส่วนการเป็นที่ปรึกษาการเงินรัฐวิสหากิจและบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถขายหุ้นประชาชนทั่วไปได้ปีหน้า
ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทศท. และบริษัท เบียร์ไทย 1991 เจ้าของเบียร์ช้างของเจ้าสัวเจริญ
สิริวัฒนภักดี
ได้ดีลทีพีไอ-ขาดทุนแบงก์ไทย 100 ล้าน
ดังนั้น ธุรกิจวาณิชธนกิจปีหน้า คาดจะมีรายได้ เพิ่มขึ้นสูงจากปีนี้ รวมทั้งบริษัทรับทำหน้าที่ที่ปรึกษา
การเงินบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ปรับโครงสร้างหนี้บริษัท ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา
3-4 เดือน ตรวจสอบและประเมินว่าต้องแก้ไขอะไรบ้าง
ผลดำเนินงานบริษัทครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ 90 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรไม่มาก เนื่องจากบริษัทต้อง
ตั้งสำรองขาดทุนถือหุ้นไทยธนาคาร (BT) ที่ต้องรับเข้าพอร์ตเหตุขายหุ้นให้ประชาชนไม่หมด
100 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งประมาณการกำไรสุทธิ 300 ล้าน บาท เมื่อเทียบกับปีก่อน
200 ล้านบาท