Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์26 มกราคม 2552
โอ.พี.ผนึก3กลยุทธ์ ปั๊มยอดขาย 2,700ลบ.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทโอ.พี.เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด

   
search resources

โอ.พี.เนเชอรัล โปรดักส์, บจก.
Cosmetics




โอเรียนทอล ทุ่ม 500 ล้านบาท ชู 3 กลยุทธ์ปลุกกำลังซื้อผู้บริโภค ล่าสุด ลอนช์นวัตกรรมกลุ่มดูแลผิวหน้า หลังซุ่มวิจัยและพัฒนาสินค้าจากความต้องการเชิงลึกของสาวไทยนาน 3 ปี พร้อมเร่งขยายสแตนอะโลนเล็งปีนี้ 10 จุดทั่วประเทศ หวังเจาะกำลังซื้อตลาดต่างจังหวัด รองรับลูกค้าสาวภูธรที่มีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนสูงกว่ากทม.ในอีก 2 ปี ส่วนการจัดโปรโมชั่นโอ.พี.วางงบสัดส่วน 30%จากงบรวม มอบส่วนลด จัดกิจกรรมพิเศษ หวังสร้างสมาชิกใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม การเปิดฉากบุกในครั้งนี้ โอ.พี.ตั้งเป้าเข็นยอดขายแตะที่ 2,700 ล้านบาท

ยอดขาย 2,700 ล้านบาท ที่ค่ายโอ.พี.ตั้งเป้าไว้ในปี 2552 แม้จะเป็นตัวเลขที่สูง แต่เมื่อเทียบกับปี 2551 จะเห็นว่าเป็นการเติบโตเพียง 9% ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวที่น้อยมากเมื่อเทียบกับปี 2551 ที่ปิดยอดขายได้ 2,478 เติบโตสูงถึง 34%เมื่อเทียบกับปี 2550 สำหรับการตั้งเป้าหมายในปีนี้ พาสนา อินทราทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอ.พี.เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอเรียนทอล พริ้นเซส กล่าวว่า ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ทำให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยน้อยลง รวมทั้งการแข่งขันที่มีความรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ปีนี้โอ.พี.จึงวางการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว

ฉะนั้น เพื่อฝ่าปราการด่านหินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ โอ.พี.จึงเตรียมแผนรับมืออย่างเต็มที่ ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ การออกสินค้าใหม่ การขยายสาขา และการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก ภายใต้เม็ดเงินรวม 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ 300 ล้านบาท

เริ่มตั้งแต่การออกสินค้าใหม่ ที่ปีนี้โอเรียนทอลเตรียมเข็นสินค้าพร้อมนวัตกรรมใหม่ออกมาตอบโจทย์สาวรักสวยมากกว่า 300 เอสเคยู โดยน้ำหนักการให้ความสำคัญนั้น ผู้บริหารโอ.พี.อธิบายว่า จะมุ่งไปยังกลุ่มสินค้าหมวดที่ทำรายได้หลักและกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยปัจจุบันรายได้ของรวมของโอเรียนทอล พริ้นเซส แบ่งเป็น กลุ่มดูแลผิวหน้า 35% กลุ่มคัลเลอร์ 35% กลุ่มบอดี้และแฮร์แคร์ 25% และกลุ่มไลฟ์สไตล์ 5% โดยแต่ละกลุ่มมีการเติบโต 30%, 44%, 24% และ 30% ตามลำดับ

จึงไม่ต้องแปลกใจที่การลอนช์นวัตกรรมใหม่ตัวแรกของโอเรียนทอลฯปีนี้ จะตกเป็นหน้าที่ของสินค้าหมวดดูแลผิวหน้า ที่ครั้งนี้มีการทุ่มงบกว่า 35 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัว “Natural Cosmeceutical” นวัตกรรมดูแลผิวแบบครบวงจร มีให้เลือก 3 ชุด คือ ไวท์เทนนิ่ง, แอนตี้เอจจิ้ง และ แอนตี้แอคเน่ ซึ่งถือเป็นสินค้าไฮไลต์ในหมวดดูแลผิวหน้าปีนี้ พร้อมส่งหนังโฆษณาชุด “เร็ว” เพื่อสื่อถึงแนวคิด “ผิวสวย..ไม่มีทางลัด” ต่อยอดจาก “ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” คอนเซ็ปต์ที่ลอนช์ออกมาเมื่อปีก่อน แต่ก็ยังคงตอกย้ำ DNA ของแบรนด์ในการเป็นเครื่องสำอางสารสกัดจากธรรมชาติ โดยความน่าสนใจของสินค้าตัวนี้อยู่ที่ แนวคิดหลักที่ใช้พัฒนานวัตกรรมดังกล่าว ซึ่งได้มาจากการวิจัยเชิงลึกถึงความต้องการของผู้บริโภค ที่พบว่า นอกเหนือจากการได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วแล้ว ผู้หญิงยังต้องการความยั่งยืนของผลลัพธ์ที่ได้ด้วย ซึ่งค่ายนี้ต้องใช้เวลาในการพัฒนาและวิจัยโปรดักส์ดังกล่าวนานถึง 3 ปี มากสุดเมื่อเทียบกับการลอนช์สินค้าตัวอื่น ดังนั้นการกำหนดราคาสินค้าตัวนี้แม้จะสูงกว่าสินค้าในไลน์เดียวกันราว 30% แต่เชื่อได้ว่าผู้บริโภคสาวจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี

“การตั้งโจทย์พัฒนาสินค้าโดยความต้องการของลูกค้าเชิงลึก เป็นการนำมาถึงยอดขาย”

นอกจากนี้ เพื่อให้สร้างสีสันให้กับสินค้าหมวดอื่น ค่ายนี้เตรียมเข็นสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้งบการวิจัยและพัฒนาปีละประมาณ 2% ของยอดขาย โดยคาดว่าจะเปิดตัวสินค้ากลุ่มคัลเลอร์ในช่วงกลางปี ขณะที่สินค้ารุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ถือเป็นหัวหอกในการปั๊มยอดขายในปีที่ผ่านมา พาสนา บอกว่าปีนี้จะเปิดตัวสินค้าดังกล่าวจำนวน 2 ชุด แบ่งเป็นชุดละประมาณ 100 – 150 เอสเคยู ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

ขณะที่การขยายสาขาของโอ.พี.ในปีนี้ที่ตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 13 จุด จากตอนนี้ที่มีอยู่ 271 แห่งทั่วประเทศ ด้วยเงินลงทุนเฉลี่ย 2–3 ล้านบาทต่อสาขา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 3 แห่ง ต่างจังหวัด 10 แห่ง ทั้งนี้เพื่อรองรับกำลังซื้อและจำนวนลูกค้าในต่างจังหวัดที่มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันโอ.พี.มีลูกค้ากลุ่มต่างจังหวัด 47% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอยู่ 44% ซึ่งผู้บริหารค่ายนี้มั่นใจว่า ลูกค้าต่างจังหวัดและกรุงเทพฯจะมีสัดส่วน 50 – 50 ในปีนี้ และในปี 2553 ลูกค้ากลุ่มต่างจังหวัดจะมีสัดส่วนมากกว่าลูกค้าในกรุงเทพฯราว 1 – 2% ดังนั้น เพื่อรองรับฐานลูกค้าดังกล่าวที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้น ทางโอ.พี.จึงเร่งสำรวจพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในต่างจังหวัด พบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้มีไลฟ์สไตล์ชอปปิ้งในห้างสรรพสินค้าเท่านั้น จึงเป็นช่องว่างและโอกาสในการเปิดชอปรูปแบบสแตอโลน ซึ่งคาดว่าจะสามารถขยายได้ราว 10 สาขาในปีนี้ โดยตอนนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมทีมงานเพื่อศึกษาและหาข้อมูลในภาคสนาม

สำหรับการให้สิทธิพิเศษหรือการมอบโปรโมชั่นกับลูกค้าสมาชิก ซึ่งถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าพร้อมทั้งสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดี วัดจากรายได้รวมของโอเรียนทอลฯ มาจากลูกค้าสมาชิก 85% ลูกค้าทั่วไป 15% ขณะที่ยอดการซื้อของลูกค้าสมาชิกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 996 บาทต่อบิล และลูกค้าทั่วไปมียอดการซื้อ 780 บาทต่อบิล ดังนั้นในปีนี้ทางโอ.พี.จึงจัดสรรงบจำนวน 30% จากงบรวม 500 ล้านบาท เพื่อมอบส่วนลด ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการเป็นอันดับแรก รองลงมาคือการสะสมแต้ม เพื่อแลกซื้อสินค้า หรือเข้ากิจกรรมพิเศษ และในปีนี้โอ.พี.ได้เพิ่มการสื่อสารกับลูกค้า ด้วยการจัดส่งแมกกาซีนให้กับสมาชิกเป็นครั้งแรก เพื่อกระตุ้นและจูงใจลูกค้าทั่วไปให้เป็นสมาชิกมากขึ้น โดยปัจจุบันโอ.พี.มีสมาชิกรวมกว่า 521,717 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 44% เป็นกลุ่มที่มีการซื้อในช่วง 6 เดือน 90% ส่วนกลุ่มที่มีการซื้อในช่วง 3-4 เดือน มีสัดส่วน 75% และจากการโหมบุกกลยุทธ์ดังกล่าว ค่ายนี้เชื่อว่าจะสามารถขยายฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนคน และนี่คือกลยุทธ์หลักของโอเรียนทอล พริ๊นเซส ที่เชื่อว่าจะช่วยเข็นยอดขายให้ถึง 2,700 ล้านบาทหรือเติบโตได้ 9%ในปีนี้ตามเป้าหมาย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us