|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.กรุงไทย ออก FIF เน้นผู้บริหารระดับมือพระกาฬ แยกลงทั้ง หุ้น-ตราสารหนี้-สินค้าโภคภัณฑ์ ระบุจะมีกองแบบนี้ตามมาอีก 4-5 กอง เปลี่ยนโปรดักส์โพซิชันนิ่ง ให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นเจาะกลุ่มลูกค้าแบงก์นอก ช่องทางจัดจำหน่ายใหม่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กรุงไทย ได้เปิดเสนอขาย "กองทุนเปิดเคแทมอินเวสเมนท์ เลเจนด์ ฟันด์" (KTIL) ซึ่งเป็น กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (Forign Investment Fund:FIF) ชนิด Feeder Fund นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในกองทุน Investment Legends Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยจะเปิดขายเป็นครั้งแรกถึงวันที่ 30 ม.ค.2552
สมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า กองทุนนี้จะแบ่งสินทรัพย์ไปลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท อันประกอบด้วย ตราสารทุน 40% สินค้าโภคภัณฑ์ 40% และตราสารหนี้ 20% ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนที่ได้รับการยอมรับด้านความสามารถจนเป็นตำนานและที่กล่าวขวัญถึงในวงการฯเป็นผู้บริหาร ทั้งนี้จากการทำผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) ย้อนหลัง 3ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 7% ต่อปี โดยกองทุนจะมีการปรับน้ำหนักการลงทุนใหม่ทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้ได้สัดส่วนการลงทุนตามที่กำหนดไว้ และจะลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์เพื่อให้ทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินบาทมากที่สุด
ทั้งนี้กองทุน Investment Legends Fund เป็นการผสมผสานการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆไม่ว่าจะเป็นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ และตราสารหนี้ โดยสัดส่วนของการลงทุนในหุ้น 40% จะแยกเป็นการลงทุนในบริษัทชั้นนำ 3 แห่งได้แก่ บริษัทเบิร์ก ชายแฮธาเวย์ ที่บริหารโดยวอร์เรน บัฟเฟตต์ 10% ,บริษัทแบล็กร็อค อิงค์ ที่บริหารโดยลอเร็นซ์ ฟิงค์ 10% , บริษัทลูคาเดีย เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่นที่บริหารโดยเอียนคัมมิ่งและโจเซฟ สไตน์เบิร์ก 10% ส่วนอีก 10% ที่เหลือจะลงทุนผ่านกองทุนรวมเทมเพิลตัน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตส์ บริหารและจัดการโดย ดร.มาร์ค โมเบียส ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
สำหรับอีก 40% ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีการจ่ายผลตอบแทนกับดัชนีอ้างอิง RICI ที่คิดค้นขึ้นโดยจิม โรเจอร์ส
ส่วนของตราสารหนี้ 20% จะลงทุนในกองทุนรวมโทเทิล รีเทิร์นบอนด์ ฟันด์ บริหารและจัดการ โดยบิล กรอส เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดตราสารหนี้
สำหรับการออกกองทุนนี้ต้องถือว่าเป็นการพลิกโฉมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ บลจ.กรุงไทย จากเดิมที่เน้นการออกเฉพาะกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก เนื่องจากมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีความต้องการกองทุนประเภทมีความเสี่ยงต่ำคล้ายคลึงการฝากเงินเป็นหลัก
สมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนนี้ถือได้ว่ามีความเสี่ยงมากที่สุดเท่าที่ บลจ.กรุงไทยเคยออกมา เนื่องจากปัจจุบันดอกเบี้ยที่ได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ไห้ผลตอบแทนเพียง 1.3%เท่านั้นซึ่งแทบจะไม่มีความน่าสนใจ ดังนั้นปีนี้มีแผนที่จะออกกองทุนในลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 4-5 กอง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายของธนาคารพานิชย์ต่างชาติในประเทศไทยซึ่งจะเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่าง ชิติ้แบงก์ และ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ได้ รวมถึงการที่แบงก์กรุงไทยซึ่งเป็นแบงก์แม่จะจัดตั้งแผนก Wealth Management ในปีนี้เพื่อจะให้บริการลูกค้ารายใหญ่ด้วย
|
|
|
|
|