Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 สิงหาคม 2546
คลังปรับศก.6%บสท.ส่งหนี้KTB             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ - บบส.
บรรษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์การ - BAM
วิโรจน์ นวลแข
ปรีดิยาธร เทวกุล, ม.ร.ว.
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ
สมชัย สัจจพงษ์
ไพฑูรย์ พงษ์เกสร
วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ
บรรยง วิเศษมงคลชัย




แบงก์กรุงไทยรับบริหารลูกหนี้รายย่อยที่มีมูลหนี้ 2 แสน ถึง 2 ล้านบาทต่อราย ต่อจาก บสท. 1.2 หมื่นราย มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท คาดดำเนินการเสร็จภายใน 6 เดือน แลกกับค่าธรรมเนียมบริหาร 200 ล้านบาท ขณะที่ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ยันโยกหนี้เน่าระบบแบงก์พาณิชย์ไทยที่เหลือเกือบ 8 แสนล้านบาทเข้าเอเอ็มซีรัฐ ทำให้ภาพลักษณ์สถาบันการเงินดีขึ้น ด้านคลังปรับตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้เพิ่มเป็น 6.1% จากเดิม 5.1% หลังไตรมาส 2 เศรษฐกิจไทย ขยายถึง 5.6%

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าววานนี้ (26 ส.ค.) ว่า บสท.จ้างธนาคารกรุงไทยผู้บริหารสินทรัพย์ ซึ่งเป็นลูกหนี้รายย่อย ที่มีมูลหนี้ตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 20 ล้านบาทต่อราย รวม 12,000 ราย มูลหนี้รวม 24,000 ล้านบาท โดยมอบหมายธนาคารกรุงไทยบริหารและปรับปรุงโครงสร้างหนี้

สำหรับลูกหนี้ 12,000 ราย บสท.รับโอนจาก 6 สถาบันการเงิน คือไทยธนาคาร บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท บริษัทบริหารสินทรัพย์รัตนสิน บริษัทเงินทุนกรุงไทยธนกิจ บริษัทบริหารสินทรัพย์เพชรบุรี ลูกหนี้ธนาคารกรุงไทย รวมทั้งยังอยู่ในขั้นตอนโอนลูกหนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ อีกประมาณ 11,000 ราย มูลหนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ จะได้ข้อสรุปว่า ต้องโอนลูกหนี้รายใดบ้าง

"บสท. ต้องจ้างธนาคารกรุงไทยให้ช่วยบริหารลูกหนี้รายย่อย เนื่องจากลูกหนี้มีจำนวนมาก และกระจายอยู่ทั่วประเทศ ขณะที่ บสท. มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว ดังนั้นการที่ธนาคารกรุงไทยมีความพร้อม เพราะมีสาขามากกระจายอยู่ทั่วประเทศ จะสามารถช่วยให้การดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้เหล่านี้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น"

นายสมเจตน์กล่าวว่า การจ้างธนาคารกรุงไทยบริหาร บสท.ตกลงว่า หากเจรจากับลูกหนี้ไม่สำเร็จ บสท.จะชดเชยต้นทุนให้กรุงไทย หากปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จ บสท. จะจ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้ 2 เท่าของต้นทุน

รับค่าธรรมเนียม 200 ล้านบาท

ด้านนายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าธนาคารจะใช้สาขากว่า 600 แห่งทั่วประเทศ และสำนักงานธุรกิจเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ ส่วนวิธีการบริหาร ธนาคารจะบริหารตามแนวทางที่ บสท.กำหนด ซึ่งธนาคารร่วมกันสร้างคู่มือปฏิบัติงาน ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้บริหารสินทรัพย์จะทำหน้าที่เจรจาและเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ แต่อำนาจอนุมัติอยู่ที่คณะกรรมการบริหาร บสท. ธนาคารตั้งเป้าหมายให้ลูกค้าทุกรายมีข้อสรุปภายใน 6 เดือน

"ธนาคารมั่นใจว่าจะช่วยให้ลูกค้ากลับมาเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพ โดยลูกค้ารายย่อยที่มียอดหนี้คงค้างตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 20 ล้านบาท ซึ่งธนาคารรับมาบริหารในครั้งนี้ คาดว่าจะมีลูกค้าที่มีศักยภาพ และสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้มากกว่า 50% คาดว่าธนาคารจะมีรายได้จากการบริหารและค่าธรรมเนียมในการรับชำระหนี้ประมาณ 200 ล้านบาท" นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงการแปลงหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล-หนี้เน่า) เป็นสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ-สินทรัพย์เน่า) ว่าธนาคารมีแนวทางจะแปลงเอ็นพีแอลเป็นเอ็นพีเอ คาดว่าจะเพิ่มเอ็นพีเออีก 20,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมี 20,000 ล้านบาท จากเอ็นพีแอล 98,000 ล้านบาท ทั้งหนี้ที่อยู่ในกระบวนการศาลและเจรจากับลูกหนี้ ว่ามีความประสงค์จะแปลงหนี้เพื่อชำระหนี้หรือไม่

BAM รับลูกพร้อมบริหารเอ็นพีเอ

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์การ (BAM) กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เบ็ดเสร็จ โดย บสก.พร้อมจะรับโอนเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอ เนื่องจากมีทีมงานบุคลากรที่มีประสบการณ์ แต่ปัญหาอยู่ที่ใครจะเป็นแกนหลักรับโอนหนี้เน่าจากธนาคารพาณิชย์

"จริงๆ แล้วเอเอ็มซีที่สามารถบริหารได้อย่างครบวงจรมีอยู่เพียง 3 ราย คือ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.) บริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) และ บสก. โดยสามารถดำเนินการบริหารได้เลย ไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย" นายบรรยงกล่าว

"อุ๋ย"ยันโอนสินทรัพย์เน่าให้เอเอ็มซีรัฐ

ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง แนว ทางและความคืบหน้าโอนสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) สถาบันการเงินทั้งระบบให้สถาบันการเงินอื่นบริหาร ว่าขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการคงต้องใช้เวลามากพอสมควร คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นปีนี้ เนื่องจากต้องแก้ไขกฎ หมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หน่วยงานรับโอนสินทรัพย์เน่าสถาบันการเงินได้

หน่วยงานที่จะรับโอนเอ็นพีเอ เขายืนยันว่าจะไม่ใช่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) แน่นอน แต่จะเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็ม ซี) ของรัฐที่มีอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้รับซื้อสินทรัพย์รอการขายได้เท่านั้น โดยการรับเอ็นพีเอ จะซื้อขาด หลังจากนั้นจะปรับโครงสร้างแล้วขายสินทรัพย์นั้นๆ ต่อไป

"ทางการต้องการโยกเอ็นพีเอออกจากระบบสถาบันการเงินโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ระบบสถาบันการเงินสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยเร็วที่สุด และเพื่อให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับอันดับเครดิตให้กับสถาบันการเงินของไทย เนื่องจากปัญหาเอ็นพีเอ เป็นเพียงปัญหาจุดเดียว ที่ทำให้ระบบสถาบันการเงินของไทยยัง มีภาพที่ไม่สดใสนัก"

คลังปรับเป้า ศก. ปีนี้เพิ่มเป็น 6.1%

นางไพฑูรย์ พงษ์เกสร รองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ปรับ ประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่เป็น 6.1% จากคาดการณ์เดิม 5.1% เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาส 2 ปีนี้ ดีกว่าคาดมาก

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ โฆษก สศค. กล่าวว่าสาเหตุที่ต้องปรับประมาณการเนื่องจากเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 จากที่คาดว่าจะกระทบจากการระบาดโรคซาร์ส ซึงเดิมคาดว่าไตรมาส 2 จะโตไม่ถึง 4% แต่ตัวเลขจริงดีขึ้น ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การส่งออก ใช้กำลังผลิต ซึ่งดี ขึ้นทั้งคู่ เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 11 ชาติดีขึ้น

จึงต้องปรับประมาณการให้สอดคล้องความเป็นจริง แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่ปรับประมาณการ พราะการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 2 สูงถึง 5.6% จากเดิมคาดเพียง 3.5%

"เราไม่มีเหตุผลที่จะต้องยืนตัวเลขที่ 5.1% เพราะการส่งออกดีมากไตรมาส 3-4 คาดไร้วิกฤต จากภายนอก" การลงทุนคาดทั้งปีนี้ คาดขยาย 18% ส่งออก 10% การบริโภค 6% จากปีที่แล้ว

FITCH สนกระจายอำนาจคลัง

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระ- ทรวงการคลัง เปิดเผยว่าวานนี้ (26 ส.ค.) ตัวแทน จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ อิบคา (FITCH) จากอังกฤษ เก็บข้อมูลเศรษฐกิจไทยจากคลัง ประเด็นที่ฟิทช์ อิบคาสนใจ 2 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาหนี้เน่า และการกระจายอำนาจทการคลังของไทย

โดยคลังชี้แจงแผนกระจายอำนาจ และการกำกับดูสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ว่าไม่มีปัญหาหนี้เน่า และการดำเนินงานแต่ละแห่งมีกำไร แต่ส่วนสถาบันการเงิน ฟิทช์จะขอข้อมูลจาก ธปท.เพิ่มเติม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us