|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เซ็นทรัล รีเทล ทุ่มกว่า 400 ล้านบาท ชูเทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพระบบโลจิสติกส์ รับมือปริมาณสินค้าซับพลายเออร์อื้อ จากการแห่ทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย พร้อมศึกษาผุดศูนย์ย่อย 5 ปี ชงภาครัฐ-เอกชน ร่วมมือพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่างประเทศ จ่อคิวผุดที่แดนมังกร ตั้งเป้าปีนี้ลดต้นทุน 15-20%
นายดนัย คาลัสซี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายซัพพลายเชน บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัททุ่มงบกว่า 400ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 300ล้านบาท พัฒนาระบบซัพพลายเชนทั้งหมดของบริษัท เพื่อรองรับปริมาณสินค้าจากซับพลายเออร์ในปีนี้ซึ่งจะมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีมากนัก ทำให้ต้องเพิ่มความถี่ในการทำโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย ระบบการโลจิสติกส์จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก เพื่อช่วยในการลดต้นทุน
“แม้ว่าราคาน้ำมันในปีที่ผ่านมาจะลดลงแล้วก็ตาม แต่เมื่อเทียบระหว่างราคาน้ำมันในปี 2551 ก็ยังสูงว่าปี 2550 ประมาณ 5บาท ต่อลิตร ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นเช่นกัน และหลายฝ่ายประมาณการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะหยุดอยู่ที่ 60-80เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจุบันกว่า 40เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เรามองว่าในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในปีนี้และจำเป็นต้องใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน “
สำหรับศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ที่ บางนา จากการใช้งบ 1,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการการเปิดสาขาใหม่เซ็นทรัล พัทยา และจ.ชลบุรี และขยายตัวของธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล อาทิ เซ็นทรัล โรบินสัน บีทูเอส ออฟฟิศ ดีโป ได้ถึง 5ปี ตลอดจนช่วยระบบการส่งขนสินค้าจากภาคตะวันออกจะเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น บริษัทได้นำระบบ Radio Frequency Identification (RFI) หรือระบบการสื่อสารไร้สายในระดับขั้นสูงขึ้น จากปีที่ผ่านมาเป็นระบบพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ 20-30%
พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนาระบบการจัดการคลังสินค้า การพัฒนาระบบรับ-ส่ง ข้อมูลทางอิเล็คทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งถ่ายข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะเริ่มระบบปลายเดือนมกราคม ประมาณ 100ราย รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทดลองระบบ และคาดว่าจะปฏิบัติงานได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ ควบคู่กับการให้ความรู้แก่ซับพลายเออร์ 80ราย
นอกจากนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา สร้างศูนย์การจัดการคลังสินค้าย่อยขึ้นมา ซึ่งอยู่ในแผนระยะยาว 5 ปี โดยเฉพาะภาคใต้ เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางภาคใต้ที่เพิ่มขึ้น 20% จากการทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขายของซับพลายเออร์ โดยปัจจุบันบริษัทยังมีพื้นที่อีก 2แห่ง พร้อมจะสร้างศูนย์กระจายสินค้า อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ของบริษัท ในปีนี้ตั้งเป้าลดต้นทุน 15-20% จากปีที่ผ่านมา ลดต้นทุน 15%
นายดนัย กล่าวว่า ในอนาคตยังวางแผนเปิดศูนย์กระจายสินค้าในจีน ที่ ปักกิ่ง เพราะสินค้าของเครือเซ็นทรัล นำเข้าจากจีน 50% เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้า และประการสำคัญ คือ ลดต้นทุนจากการ ที่ เซ็นทรัล เปิดห้างสรรพสินค้า ที่ หางโจว ในปี 2553 ทำให้ต้องใช้หลังร้านเป็นคลังสินค้า ต้นทุนจึงสูงขึ้นโดยปริยาย แต่โครงการดังกล่าวจะเกิดจากขึ้นได้ ภาครัฐกับเอกชนต้องร่วมมือกันพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ซึ่งหากบริษัทสามารถสร้างศูนย์ดังกล่าว มีผลเอื้อให้การขยายสาขาเซ็นทรัลทางจีนตอนใต้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
|
|
|
|