ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ ยื่นลงทุนต่างประเทศเต็มเพดาน 1,000 ล้านบาท ลุยลงทุนภายในต้นปีหน้า
เล็งเอเชียบอนด์ ในประเทศที่มั่นคง ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% เตรียมปรับพอร์ตลงทุน
ในประเทศใหม่ปีหน้า ด้วยการขยับสัดส่วนลงทุนหุ้นเกิน 1% เพื่อเพิ่ม ผลตอบแทนลงทุนให้สูงขึ้น
พร้อมโชว์ผลงานงวด 7 เดือนแรก ผลิตเบี้ยปีแรกได้ 630.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.36%
แบงก์แอสชัวรันส์เติบโตได้โดดเด่นสุด 20% ของเบี้ยรับรวมปีแรก วางอนาคตเป็นตัว
หลักหนุนรายได้
มร.โดนอลด์ คาร์ดีน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ ประกันชีวิต
จำกัด(มหาชน) (SCNYL) เปิดเผย ว่าจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อนุญาตให้สถาบันการเงินสามารถนำเงินออกไปลง
ทุนต่างประเทศได้ บริษัทก็มีความสนใจโดยได้ยื่นเรื่องเพื่อขอลงทุนต่างประเทศไปให้กรมการประกันภัยพิจารณาแล้ว
สำหรับวงเงินที่ขออนุมัติได้เสนอไปเต็มเพดานประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่จะสามารถนำไปลงทุนจริงได้จำนวนเท่าไรนั้น
ขึ้นอยู่กับกรมการประกัน ภัยจะพิจารณาความเหมาะสม และภายหลังการได้รับอนุมัติจะต้องคัดเลือกที่ปรึกษาการลงทุนก่อน
เพื่อสามารถลงทุนได้ทันที โดยคาดว่าสามารถลงทุนได้ไม่เกินไตรมาสแรกปีหน้า
สำหรับนโยบายการลงทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรเอเชีย ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับเฉลี่ยที่
5% และเป็นตราสารที่มีความมั่นคงมากกว่า หุ้นกู้ภาคเอกชนที่แม้จะมีผลตอบแทนที่มากกว่า
แต่ส่วนต่างที่ได้รับไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก นอกจากนั้นการลงทุนในตลาดเอเชียบอนด์
เป็นนโยบายหนึ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ประเทศที่น่าสนใจเข้า ไปลงทุน เช่น เกาหลีใต้
ฮ่องกง
"การลงทุนในเอเชียบอนด์นั้นผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5% อย่างที่เกาหลีใต้ประมาณ
5.5% และที่ฮ่องกงประมาณ 5.1% แต่ในประเทศที่มีปัญหาการเมืองเช่นอินโดนีเซียคงไม่เลือก
ลงทุน"
ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของบริษัทจำนวน 3,500 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ
90% เนื่องจากเป็นการลงทุน ที่ให้ผลตอบแทนแน่นอนและความเสี่ยงต่ำ ส่วนการลงทุนในตราสารทุนมีเพียง
1% เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัทแม่ (บริษัท นิวยอร์คไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล
แอลแอลซี ) ซึ่งวางไว้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามในปีหน้าอาจจะปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ให้สามารถลงทุนในตราสารทุนเพิ่มมากขึ้น
เพื่อกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดี เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น
"บริษัทยังมีส่วนต่างที่ติดลบอยู่ประมาณ 0.5% ระหว่างการบริหารผลตอบแทน ซึ่งบอนด์
ยิวล์ด อยู่ที่ระดับ 3.5% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยคำนวณผลตอบแทนกรมธรรม์อยู่ที่ 4%
เพราะฉะนั้น นอกจากการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายให้อยู่ใน ระดับที่ต่ำแล้วการลงทุนในต่างประเทศจะเป็นอีก
ส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ผลตอบแทนลงทุนเพิ่มสูงขึ้น"
มร.โดนอลด์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนแรกปี 2546 บริษัทผลิตเบี้ยปีแรกได้รวมทั้งสิ้น
630.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 85.36% สูงกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจเกือบ
3 เท่าตัว ซึ่งทำให้ปัจจุบันบริษัทขึ้นมายืนที่อันดับ 7 ของธุรกิจจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่อันดับ
9 ส่วนเบี้ยประกันรับรวมผลิตได้ทั้งสิ้น 1,157.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.72% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
และมีเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 526.92 ล้านบาท ขยายตัว 27.65%
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการรับเบี้ย ประกันจาก 6 ช่องทาง คือ สายงานประกันชีวิตราย
บุคคล มีเบี้ยรับปีแรกรวม 159.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.65% สายงานประกันชีวิตข้าราชการ
มีเบี้ยรับปีแรกรวม 38.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.69% สาย งานประกันชีวิตกลุ่ม มีเบี้ยรับปีแรกรวม
50.84 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 226.96% สายงานธุรกิจสถาบัน มีเบี้ยรับปีแรกรวม 253.42
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289.06% สายงานแบงก์แอสชัวรันส์ มีเบี้ยรับปีแรกรวม 126.07 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 62.95% และสายงานตลาด พิเศษ มีเบี้ยรับปีแรกรวม 2.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
142.22%
สำหรับสายงานที่มีการเติบโตเด่นชัดที่สุดคือสายงานแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งคิดเป็น
20% ของเบี้ยรับปีแรกรวมทั้งหมดของบริษัท ส่วนด้านเบี้ยประกันรับรวม สายงานประกันชีวิตรายบุคคลมีเบี้ยสูงที่สุด
คิดเป็น 451.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.42% ส่วนแบ่งตลาด 39.02% ของ เบี้ยรับรวมทั้งหมด
มร.โดนอลด์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่โตอย่างต่อเนื่องเป็นผลจากกลยุทธ์การตลาดในเชิงรุก
การพัฒนาและการขยายช่องทางการตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะแบงก์แอสชัวรันส์ รวมทั้งการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มคุณภาพตัวแทนผ่านระบบGold
System ของนิวยอร์คไลฟ์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าว่าเบี้ยรับรวมปีนี้จะเพิ่มขึ้น
40% จาก 1,411 ล้าน บาท ในปีที่แล้ว เป็น 1,976 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ และ มีเบี้ยประกันปีแรก
1,181 ล้านบาท
กลยุทธ์ครึ่งปีหลังบริษัทจะขยายช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์อย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าจะเป็นผู้นำตลาดโดยเน้นการฝึกอบรมพนักงานขายของธนาคาร
และเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาสำหรับบริษัทหรือที่เรียกว่า Specialist เพื่อเพิ่มทักษะการขาย
และร่วมมือกับธนาคารในการทำวิจัยตลาด เพื่อสำรวจและนำข้อมูลมาใช้ในการออกแบบผลิต
ภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง รวมทั้งการเพิ่มสาขาขายกรมธรรม์จาก
161 แห่งในกรุงเทพฯและปริมณฑลในปัจจุบันเป็น 391 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้
"เราได้มีการปรับประมาณการสำหรับธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้
124 ล้านบาท ปรับเป็น 240 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 93.55% เนื่องจากในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา
บริษัทสามารถผลิตเบี้ยรับปีแรกได้เกินเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ทั้งปี"
นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นพัฒนาสายงานประกันชีวิตรายบุคคล ซึ่งเป็นช่องทางการขายที่สำคัญที่สุดของบริษัท
ผ่านระบบสำนักสาขา (Base shop) และระบบ แคเรีย เอเจนซี (Career Agency) หรือกลุ่มขยายงานตัวแทนอาชีพ
ซึ่งเป็น การบริหารและพัฒนาตัวแทนแบบเต็มเวลาเท่านั้น ซึ่งได้วางแผนเปิดสาขาแบบแคเรีย
เอเจนซี่เพิ่มอีก 6 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ การเติบโตสูงจากปัจจุบันที่มีอยู่
9 แห่งเพื่อขยาย ฐานลูกค้าและรองรับการขยายตัวของธุรกิจ