|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“พาณิชย์”หน้ามืดส่งออกธ.ค.ติดลบอีก 14.6% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 สินค้าสำคัญลดลงระเนระนาด ทั้งเกษตรและอุตสาหกรรม ตลาดหลัก ตลาดใหม่ ก็ติดลบกระฉูด ส่งผลยอดรวมทั้งปีโต 15.6% จากที่ประเมินไว้ว่าจะโต 18% “ศิริพล”ระบุเพราะศุลกากรปรับตัวเลขใหม่ เลยทำให้ตัวเลขเพี้ยน ส่วนครึ่งแรกปีนี้ ส่งออกคงวูบยาว แต่จะดีขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง เผยหากได้งบช่วย ยังหวังโตเป็นบวก
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนธ.ค.มีมูลค่า 11,604.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 14.6% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าการส่งออกจะชะลอตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 11,254.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.5% โดยในเดือนนี้ไทยเกินดุลการค้า 350.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการส่งออกทั้งปี 2551 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 177,841.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.6% การนำเข้ามีมูลค่ารวม 178,653.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.6% โดยทั้งปีไทยขาดดุลการค้า 811.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
“การส่งออกทั้งปีขยายตัวได้ 15.6% ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้เมื่อการแถลงข่าวส่งออกเดือนพ.ย. ที่คาดว่าทั้งปีจะโตได้ 18% เพราะกรมศุลกากรได้แก้ไขตัวเลขการส่งออกใหม่ โดยเดือนพ.ย.เดิมส่งออกติดลบ 18.59% เป็นติดลบ 20.47% เลยส่งผลกระทบทำให้ตัวเลขทั้งปีเมื่อรวมกับตัวเลขติดลบในเดือนธ.ค. ก็เลยโตไม่ถึง 18% แต่ก็ยังเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้”นายศิริพลกล่าว
นายศิริพลกล่าวว่า ส่วนการส่งออกในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์จะพยายามผลักดันให้การส่งออกเป็นบวกให้ได้มากที่สุด เพราะผลจากการหารือกับภาคเอกชนล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ได้ประเมินกันว่าช่วงครึ่งปีแรก การส่งออกจะขยายตัวติดลบ และจะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากมีการใส่งบประมาณผลักดันการส่งออกเพิ่มเติม ก็จะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ แต่ในเมื่อไม่ได้เงินงบประมาณจากงบกลางปี ก็ต้องทำให้ดีที่สุดภายใต้งบประมาณเดิมที่มีอยู่
“สถานการณ์โลกเป็นแบบนี้ ครึ่งปีแรกคงลำบาก ถ้าส่งออกติดลบ จะพยายามทำให้ลบน้อยที่สุด ลบตัวเลขหลักเดียว และหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น ยิ่งถ้าเราได้งบมาสนับสนุน ก็จะช่วยให้การส่งออกของปีนี้ขยายตัวได้ดีขึ้น”นายศิริพลกล่าว
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าการส่งออกในเดือนธ.ค.จะชะลอตัวลง เพราะความต้องการของตลาดโลกลดลง และอัตราแลกเปลี่ยนของหลายๆ ประเทศมีความผันผวน ทำให้เกิดการชะลอการสั่งซื้อ จึงส่งผลทำให้การส่งออกสินค้าไทยได้รับผลกระทบ โดยสินค้าหลายๆ รายการมียอดการส่งออกที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ในเดือนธ.ค. สินค้าเกษตรลดลง 16.1% สินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สดแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ส่วนน้ำตาลทราย กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ไก่แช่แข็งและแปรรูป ยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม ส่งออกลดลง 13.9% สินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลงมากกว่า 20% เช่น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง สินค้าที่ส่งออกลดลง 10-20% เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์ และของเล่น
ทางด้านตลาดส่งออก ก็ลดลงต่อเนื่องทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยตลาดหลักลดลงสูงถึง 19.7% ได้แก่ อาเซียน สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ลดลง 25.9,19.3,16.3 และ 15.1 ตามลำดับ ส่วนตลาดใหม่ลดลง 8.9% เช่น จีน ลดลง 40.1% ไต้หวัน ลดลง 35.4% ยุโรปตะวันออก ลดลง 29.6% แอฟริกา ลดลง 18.6% ลาตินอเมริกา ลดลง 14.6% เกาหลีใต้ ลดลง 10.3% ตะวันออกกลาง ลดลง 9.2% อินโดจีนและพม่า ลดลง 7.5% และแคนาดา ลดลง 5.3%
เอกชนมองส่งออกไตรมาส1ยังติดลบ
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีในเวทีคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชนหรือกรอ. วานนี้(21ม.ค.) นายกฯได้มอบให้สศช.และธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินทิศทางเศรษฐกิจซึ่งส่วนใหญ่มองตรงกันว่าการส่งออกในไตรมาสแรกของปี 2552 ภาพรวมยังคงติดลบอีก โดยเฉพาะในเดือนม.ค. 52 ซึ่งจะเห็นชัดเจนกรณีของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คำสั่งซื้อในโซนเอเชีย ออสเตรเลีย ที่เป็นตลาดหลักของไทยออร์เดอร์ลดแล้ว 38%
“นายกฯได้รับข้อเสนอเอกชนที่เสนอครั้งนี้ไปเป็นระยะสั้นทั้งหมดไว้ด้วยการมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการและบางอย่างให้นำกลับมาหารือในครั้งต่อไป”นายสันติกล่าว
|
|
|
|
|