Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 มกราคม 2552
พิษหุ้นฉุดเงินกบข.วูบ1.6หมื่นล.             
 


   
search resources

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ - กบข
Investment




กบข. เล็งทุ่มเงิน 6,000 ล้านบาท เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยเป็น 9.5% จากเดิม 7.5% แต่ขอดูผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4 ปี 51 ก่อน ระบุตลาดหุ้นปีวัวยังผันผวนต่อ เหตุต้องรอเงินลงทุนต่างชาติ ที่ต้องเยียวยาประเทศของตัวเองก่อน ล่าสุด แจงผลงานทั้งปี 51 ผลตอบแทนติดลบ 5.12% แต่ยังมั่นใจ ปีนี้ฟื้นกลับมาแน่

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า พอร์ตการลงทุนของกบข. ในปีนี้ ยังคงต้องติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาก่อนว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากนั้น จึงจะตัดสินใจว่าจะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยในเบื้องต้น กบข.จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเป็น 9.5% หรือคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท จากสัดส่วนการลงทุนในปัจจุบันที่ 7.5% ทั้งนี้ เนื่องจากเรามองว่า การลงทุนในหุ้นยังคงให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์

โดยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนนั้น กบข. จะให้ความสำคัญกับหุ้นในกลุ่มที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ดี เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก ได้กระทบทั้งกำลังซื้อที่ลดลงและภาคการส่งออกที่ลดลง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว จะทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลงด้วย หลังจากได้ส่งผลไปถึงราคาหุ้นไปแล้ว โดยบางบริษัทมีการปรับตัวลดลงกว่า 50%

สำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ในขณะนี้ กบข.เอง ยังไม่ได้มีการปรับน้ำหนักการลงทุน ส่วนหุ้น IRPC ทมี่ กบข.ถืออยู่ที่ 8% นั้น ก็ยังไม่มีการปรับพอร์ตขายหุ้นออกมาแต่อย่างใด แม้กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นอาจจะประสบปัญหาก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ยังคงผันผวนต่อ เนื่องจากไทยยังต้องอาศัยเงินทุนจากต่างชาติ ในการกำหนดทิศทางของดัชนี ดังนั้น การที่ต่างชาติขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำเงินสดกลับไปเพิ่มสภาพคล่องทั้งในยุโรปและสหรัฐ และหากเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้นฟื้นตัว ก็ยังยากที่เม็ดเงินจะกลับมาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากเม็ดเงินที่จะใช้ลงทุนจะต้องนำไปลงทุนในประเทศตนเองก่อน หลังจากนั้นจึงจะมีการกระจายการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย โดยไม่ได้เน้นที่จะต้องมีการลงทุนในประเทศไทย

ส่วนมาตรการภาษีที่รัฐบาลใช้กระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯ รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่จะทยอยออกมานั้น เชื่อว่าน่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาคเศรษฐกิจ อีกทั้งสามารถเพิ่มกำลังซื้อให้กับภาคประชาชนได้

ผลตอบแทนปี51ติดลบ5.12%

นายวิสิฐ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกบข. ในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมาว่า ณ สิ้นเดือนธันวาคมปี 51 กบข. มีผลตอบแทนจากการลงทุน -5.12% โดยปัจจุบัน มีสินทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้น 391,882.24 ล้านบาท ทั้งนี้ การที่ผลตอบแทนลดลงดังกล่าว เป็นผลมาจากผลตอบแทนจากการลงทุนปรับตัวลดลงทั่วโลก ประกอบกับได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และเสถียรภาพการเมืองภายในประเทศ

นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐ และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นแรงกดดันให้เกินปัญหาเงินเฟ้อ รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดหุ้นที่มีการไหลออกอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกอ่อนตัวลงอย่างรุนแรงกว่า 40% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากถึง 50%

อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของกบข. ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย โดยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 7.04% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 3.16% และผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 2.34%

นายวิสิฐกล่าวว่า สำหรับผลตอบแทนในปีนี้ กบข.มั่นใจว่าจะสามารถฟื้นกลับมาได้อย่างแน่นอน ซึ่งการที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง จึงได้มีการเตรียมปรับแผนการลงทุน และศึกษาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อป้องกันและลดความความเสี่ยงการลงทุน โดยมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเต้มทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

"การลงทุนทุกประเภทเป็นไปได้ทั้งบวกและลบ ซึ่งหากพิจารณาผลตอบแทนในระยะสั้น ก็จะเห็นว่าพบความผันผวนในระยะสั้นได้ทั้งบวกและลบ ดังนั้น กบข.ซึ่งเป็นกองทุนเงินออมระยะยาว ก็ต้องดูผลตอบแทนในระยะยาวเป็นสำคัญ"นายวิสิฐกล่าว

ปัจจุบัน กบข.มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 66.95% ตราสารทุนในประเทศ 7% ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4.36% ตราสารทุนต่างประเทศ 9.07% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 4.74% และการลงทุนทางเลือก 7.88%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us