Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 สิงหาคม 2546
"ไอเอฟซีที"ยันไม่กระทบหลังถูก"แบงก์ไทย"กลืน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารไทยธนาคาร

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - IFCT
ซิกโก้, บล.
ศิริชัย สาครรัตนกุล
ปรีดิยาธร เทวกุล, ม.ร.ว.
สุชาติ เชาว์วิศิษฐ
Banking and Finance




ขุนคลัง-อุ๋ยเตรียมเรียกประธานแบงก์ไทย-ไอเอฟซีทีคุยสัปดาห์หน้า เพื่อเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ขอมติอนุมัติ ดีลควบรวมกัน ขณะที่คาดบีไอเอส หลังควบรวมมากกว่า 12 เท่า ด้านไอเอฟซีทีแจงลูกค้าถอนเงินปกติ หลังทราบข่าวล่วงหน้า 1 เดือน วงเงินเพียง 200 ล้านบาท ไม่กระทบสภาพคล่อง เมื่อเทียบตั๋วเงินทั้ง หมด 8 หมื่นล้านบาท ระบุการควบรวมเสริมจุดแข็ง ผลดีทุกฝ่าย ขณะที่สุชาติยันเขาทราบดีว่าไม่มีอำนาจ สั่งยุบรวมได้ เพราะทั้งไอเอฟซีที และไทยธนาคารจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องขออนุญาตตลท.ตามขั้นตอนเตรียม 2 แนวทางแก้ปัญหา นี้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าววานนี้ (21 ส.ค.) ว่าเขาหารือ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีคลัง เพิ่มเติมวานนี้ (21 ส.ค.) ซึ่งได้ข้อสรุปว่า จะเชิญประธานกรรมการทั้งจากไทยธนาคาร และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ไอเอฟซีที) หารือสัปดาห์หน้า

เพื่อให้ทั้ง 2 องค์กรเรียกประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอมติควบรวมกิจการทั้ง 2 แห่ง หลังควบรวมคาดสัดส่วนบีไอเอสจะมากกว่า 12 เท่า เขากล่าวว่าขณะนี้ ปัญหาสถาบันการเงินเหลือเพียงเล็กน้อย หลักใหญ่ ด้านความแข็งแกร่งเงินกองทุน ธปท.ดำเนินการเกือบทั้งระบบแล้ว ยังคงเหลือปัญหาหนี้เน่า ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนปรับลดลงตามแผนประชุมเชิงปฏิบัติการช่วงที่ผ่านมา

ดึงสินทรัพย์เน่าออก

กรณีไทยธนาคารกับไอเอฟซีทีเมื่อควบรวมเสร็จ เขากล่าวว่าจะกลายเป็นธนาคารพาณิชย์เอกชน ขนาดใหญ่ที่เข้มแข็ง ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ ปล่อยสินเชื่อภาคธุรกิจเกี่ยวกับการค้าการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่แล้วทั้ง 2 แห่ง เขาเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร

ด้าน ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีคลัง เปิดเผยว่าเขามี 2 แนวทางแก้ไขปัญหาไม่ให้ขั้นตอนควบ รวมกิจการระหว่างไอเอฟซีทีกับไทยธนาคาร (บีที) ยืดเยื้อกว่ากำหนดการที่วางไว้ คือภายในสิ้นปีนี้

ภายในสัปดาห์หน้า จะสำรวจสินทรัพย์และหนี้สิน (Due diligence) ร.อ.สุชาติกล่าวว่า เขารับทราบอยู่แล้วว่าพระราชบัญญัติตั้งไอเอฟซีที รัฐมนตรีคลังไม่มีอำนาจสั่งยุบรวมได้ เพราะทั้งไอเอฟซีทีและไทยธนาคาร จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

จึงต้องขออนุญาต ตลท. ก่อน ตามขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมา หารือร่วมกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล วิธีการต่างๆ เพื่อหาทางออกไว้แล้ว "ผมรู้อยู่แล้วว่ามีปัญหาข้อกฎหมาย แต่มี 2 แนวทาง แก้ปัญหานี้" ร.อ.สุชาติกล่าว

ส่วนกรณีศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (ทีพีไอ) ปรับโครงสร้างธุรกิจเบ็ดเสร็จ โดยตัดขายหุ้นที่ทีพีไอถือในทีพีไอโพลีน 49% เพื่อแลกซื้อโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ร.อ.สุชาติกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามการตัดสินของศาล แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้หารือกัน ว่าจะให้ใครซื้อหุ้นส่วนนี้

ลูกค้าถอนพีเอ็น 200 ล้านบาท

นายศิริชัย สาครรัตนกุล รองผู้จัดการทั่วไป บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) กล่าวว่าการที่มีข่าวทางการจะยุบไอเอฟซีทีรวมกับธนาคารไทยธนาคาร 1 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าบางรายถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน (พีเอ็น) ประมาณ 200 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่กระทบมากนัก เนื่องจากลูกค้าบางรายครบสัญญาไถ่ถอน

นอกจากนี้ ไอเอฟซีทีพยายามจะติดต่อ และ สร้างความเข้าใจลูกค้าต่อเนื่อง ขณะนี้ ลูกค้าเริ่มเข้าใจ และเชื่อมั่นไอเอฟซีทีเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ สนับสนุนการดำเนินงานของไอเอฟซีทีต่อเนื่อง

"การไถ่ถอนตั๋ว P/N จำนวน 200 ล้านบาท ยังไม่ถือว่าเป็นจำนวนที่ผิดปกติเมื่อเทียบกับจำนวน ตั๋วP/N ที่มีอยู่ประมาณ 80,000 ล้านบาท เพราะมีการติดต่อประสานความเข้าใจให้กับลูกค้า รวมทั้งชี้แจงถึงการควบรวม เป็นความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะผลักดันให้สถาบันมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น" รองผู้จัดการทั่วไปไอเอฟซีทีกล่าว

ประเด็นที่จะควบรวมกิจการตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และคลังประกาศ เขาเชื่อว่าจะส่งผลดีทั้งไอเอฟซีทีและไทยธนาคาร ภายใต้สถาบันการเงินแห่งใหม่ เนื่องจากจะทำให้ธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยนำจุดแข็งทำธุรกิจ 2 องค์กรรวมกัน ทั้งการขยายสินเชื่อ ที่ปัจจุบันไอเอฟซีทีมีสินเชื่อเพียงเฉพาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม รวมประมาณ 200,000 ล้านบาท

ไอเอฟซีทีจะได้รับประโยชน์การควบรวมครั้งนี้ค่อนข้างมาก เรื่องขอบเขตทำธุรกิจ ที่จะขยายมากขึ้น เช่น ไทยธนาคาร ไม่มีบริษัทในเครือเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แต่ไอเอฟซีทีมีขณะที่ไอเอฟซีทีไม่มีบริษัทหลักทรัพย์ แต่ไทยธนาคารมี เป็นต้น

ขณะที่ประโยชน์ด้านโครงสร้างองค์กร ไอเอฟซีทีอาจไม่ได้รับผลประโยชน์มาก แต่กลับกัน ไทยธนาคารได้รับประโยชน์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ธนาคารครบวงจรมากขึ้น" นายศิริชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถบอกได้ว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้ จะเสร็จเมื่อใด ขึ้นกับขั้นตอนดำเนินการของทางการ ซึ่งคงชัดเจนมากขึ้น หลังจากตั้งที่ปรึกษาการเงินเป็นตัวกลางตีมูลค่าสินทรัพย์ทั้ง 2 แห่ง เพื่อจะหาราคากลางตีค่าแลกเปลี่ยนหุ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us