|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เศรษฐกิจแย่ ส่งตลาดขายตรงทะยานโต เหตุคนหันเพิ่งรายได้เสริม ดันรายได้ในกระเป๋าเพิ่ม “นูสกิน” ปล่อยหมัดเด็ด เตรียมปรับนิวบิซิเนสแพลน เพิ่มค่าตอบแทนให้ผู้ทำธุรกิจใหม่ การันตี ต่อเดือนได้ 20,000 บาทแน่ คาดจำนวนคนสนใจร่วมธุรกิจเพิ่มไม่ต่ำกว่า 30% ส่วนทั้งปีเชื่อรายได้โตอีก 20% สวนภาพรวมขายตรงมูลค่า 41,000 ล้านบาท โตแค่5%
นางเมลิซ่า ทันโทโกะ คีอาโน่ ประธาน นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจในปี 2551 ที่ผ่านมา ยอมรับว่าเป็นปีที่น่าหนักใจ เพราะหลายธุรกิจต่างได้รับผลกระทบกันทั้งสิ้น แต่ยิ่งเศรษฐกิจแย่ลงแค่ไหน ถือเป็นอานิสงส์ต่อธุรกิจขายตรงที่จะมีอัตราการเติบโตขึ้นสูงกว่าปกติ เหตุผู้บริโภคจะหันหารายได้เสริมมากยิ่งขึ้น ซึ่งพบว่าในปีที่ผ่านมาตลาดขายตรงมูลค่า 41,000 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 5-7% ขณะที่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 5%
อย่างไรก็ตามวิกฤติทางเศรษฐกิจในลักษณะดังกล่าว ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่ผ่านมา จะพบว่าธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโตที่สูงมาก ดังนั้นในปีนี้ก็เช่นกัน คาดว่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน คนจะหันหาอาชีพเสริมมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางนูสกินได้เตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยในส่วนของตัวแทนจำหน่ายนั้น จะมีการเปิดตัวแผนนิวบิซิเนสแพลนใหม่ ในเซาส์อีสเอเชีย เริ่มจาก ในไตรมาส 2 ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน ขณะที่ประเทศไทยจะเริ่มในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งนิวบิซิเนสแพลนนี้ จะเป็นเรื่องของระบบคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถวัดผลยอดขายสินค้าได้อย่างแม่นยำ และชี้วัดเรื่องของเน็ตเวิร์ค เพื่อช่วยในการสร้างเครือข่ายต่อไป ซึ่งผลจากทั้งสองทางนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มค่าตอบแทนให้กับตัวแทนจำหน่ายได้มากยิ่งขึ้น ใครทำได้มากก็จะได้ค่าตอบแทนมาก สามารถการันตรีให้กับกลุ่มเป้าหมายหลัก คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มที่เกษียณการทำงานที่สนใจเข้าร่วมธุรกิจใหม่นี้ จะต้องมีรายได้ขั้นต่ำที่ 20,000 บาทเป็นอย่างน้อย ซึ่งแผนดังกล่าวนี้ คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายใหม่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 30% จากปัจจุบันนูสกิน ประเทศไทย มีอยู่กว่า 2.3 แสนบัญชีรายชื่อ
ส่วนแผนเรื่องผลิตภัณฑ์นั้น มองว่าในสถานการณ์แบบนี้ ผู้บริโภคจะระมัดระวังในการใช้เงิน ดังนั้นบริษัทฯจะเน้นการนำเสนอสินค้าที่ดีมีคุณภาพ มีราคาจำหน่ายที่เหมาะสม โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าประเภทเพื่อสุขภาพ เชื่อว่าจะเป็นสินค้าที่จะได้รับความนินมสูง เหตุผู้บริโภคต้องการให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งในสภาพเศรษฐกิจไม่ดี เรื่องของสุขภาพที่ดีมีความสำคัญอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ในฐานะที่นูสกิน ระดับโกลบอลครบรอบ 25 ปีในปีนี้ และนูสกินประเทศไทย ครบ 12ปีด้วยเช่นกัน ปีนี้ทางนูสกินจะมีเรื่องของกิจกรรมและโรดโชว์จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเฉลิมฉลอง หรืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
นางเมลิซ่า กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการเติบโตของนูสกินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ปีนี้ตั้งเป้าการเติบไม่ต่ำกว่า20% ขณะที่ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีขนาดตลาดใหญ่ที่สุด แต่ฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงที่สุด หรือกว่า 35%ในปีที่ผ่านมา
นางภควรรณ ลีวุฒินันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับนูสกิน ประเทศไทย ในปีนี้ จากที่คุณเมลิซ่าได้ให้นโยบายไว้ ดังนั้นในปีนี้ต้องมีการเติบโตถึง 20% จากปีก่อนที่เติบโต 10% หรือกว่า 1,300 ล้านบาท โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์นั้น ปีนี้จะมีเปิดตัวนวัตกรรมความงามช่วยลดเลือนริ้วรอยใหม่ ที่เรียกว่า “ทรูเฟซ เอสเซ็นซ์ อัลตร้า” ในช่วงเดือนมี.ค. จากปัจจุบัน นูสกิน จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนล แคร์ เป็นสัดส่วน 46% และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 54% หรือรวมแล้วกว่า 200 รายการ
ล่าสุดบริษัทฯได้ย้ายที่ทำการใหม่ จากตึกเอสซีบี ปาร์ค มาที่จามจุรี สแควร์ พื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตร มากขึ้นถึง1เท่าตัว เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของนูสกินทั้งในแง่ของตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าในอนาคต
|
|
|
|
|