|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“วายแอลจี” ผู้ค้าส่งทองคำรายใหญ่ รุกตลาดอนุพันธ์ เปิดบริษัทย่อยให้บริการซื้อ-ขายทองคำล่วงหน้า(โกลด์ ฟิวเจอร์ส)ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท พร้อมทุ่มอีก 30 ล้านพัฒนาระบบและบุคลากร หวังให้บริการทันก่อนสิ้นเดือนมีนาคม เจาะตลาดทั้งลูกค้าเก่า-ใหม่ที่สนใจลงทุน เพื่อช่วยขยายฐานและรับรู้รายได้จากค่าธรรมเนียมเทรด หลังสินทรัพย์ประเภทอื่นโดนพิษวิกฤตเศรษฐกิจฉุดราคาและผลตอบแทนรูดต่ำ อีกทั้งเตรียมปล่อยขายปลีกทองแท่ง 1 กิโลกรัมสำหรับกลุ่มเศรษฐี ขณะที่ปี 2551 โกยยอดขายทองคำได้กว่า 1.2 แสนกิโลกรัม
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG BULLION INTERNATIONAL) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ กำลังขยายฐานการให้บริการสู่ธุรกิจการลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) โดยมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG BULLION & FUTURES) ขึ้น ขณะนี้อยู่ในช่วงการดำเนินการขออนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเป็นสมาชิกบริษัทตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงสำนักหักบัญชี ในการเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกี่ยวกับทองคำ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในเดือนมีนาคมนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดค้าส่งทองคำแท่งรายใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งมีการจำหน่ายให้กับลูกค้ารายใหญ่ และร้านค้าทองคำทั่วประเทศ โดยปี 2551 บริษัทมีการขายทองคำแท่งมูลค่ารวมกว่า 120,000 กิโลกรัม ขณะที่ ปัจจุบันบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าปลีกระดับพรีเมี่ยม เพื่อต่อยอดการบริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจรยิ่งขึ้น โดยล่าสุดเปิดให้บริการลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 1 กิโลกรัมขึ้นไป สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับดังกล่าว
“การปรับกลยุทธ์การให้บริการลงทุนทองคำไปยังกลุ่มลูกค้าปลีกระดับพรีเมี่ยมของกลุ่ม YLG BULLION INTERNATIONAL ครั้งนี้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มราคาทองคำมีการปรับตัวที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนในตลาดอื่นๆ อาทิ หลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ และอัตราดอกเบี้ยในประเทศ มีความผันผวนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ รวมถึงมีแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่ลดลง ทำให้มีลูกค้าและนักลงทุนหันมาสนใจลงทุนตลาดทองคำเป็นจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ขยายฐานการลงทุนสู่กลุ่มลูกค้าปลีกในระดับพรีเมี่ยม ด้วยการให้บริการลงทุนทองคำแท่งที่มีขนาด 1 กิโลกรัมขึ้นไป รวมถึงการขยายฐานการให้บริการลงทุนแก่ผู้ลงทุนทั่วไปผ่านตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ ที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ด้วย โดยว่าการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดนี้ จะช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงสามารสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมในทองคำล่วงหน้าให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย” นางพวรรณ์ กล่าว
ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีการจดทะเบียนเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ได้ลงทุนพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายการให้บริการเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านเอกสารสัญญาต่างๆ อีกทั้งมีการอบรมความรู้ให้กับนักวิเคราะห์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เพื่อให้คำแนะนำและรองรับการให้บริการแก่ผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้คาดว่าขั้นตอนการตรวจสอบและทดสอบระบบทั้งหมด จะแล้วเสร็จ และพร้อมที่จะรองรับการให้บริการด้านการลงทุนทองคำกับ TFEX ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน ขณะที่ ทิศทางราคาทองคำในปีนี้คาดว่าไม่ได้แตกต่างจากปีที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าช่วงราคาเปลี่ยนแปลงอาจไม่สูงเท่ากับในก่อนหน้า อีกทั้งตลอด 6 ปีที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่า 300%
“ บริการด้านโกลด์ฟิวเจอร์สของเรา เป็นการขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจด้านทองคำให้กับกลุ่มวายแอลจี ให้มีเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมด้านการลงทุนทองคำที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสัญญาการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะอ้างอิงการซื้อขายทองคำเทียบน้ำหนัก 50 บาท ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนทั้งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ไปจนถึงร้านค้าปลีกทองคำเพื่อใช้ในด้านการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงในธุรกิจ อันอาจจะเกิดขึ้นจากราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนได้ รวมถึงเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนรายย่อย ให้สามารถลงทุนกับสัญญาซื้อขายทองคำด้วยงบประมาณที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับการลงทุนซื้อทองคำแท่งโดยตรงด้วย” นางสาวฐิภา กล่าว
โดยในขั้นต่อไป บริษัทฯ เตรียมแผนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับกลุ่มลูกค้าและกลุ่มผู้ลงทุนอีกครั้ง รวมถึงจะมีการจัดกิจกรรมอบรมความรู้และแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนทองคำ ให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมนี้ เพราะเชื่อว่า เมื่อลูกค้าและผู้ลงทุนมีความรู้และมีความคุ้นเคยกับการลงทุนในตลาดทองคำแท่ง รวมถึงการตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สมากขึ้นแล้ว จะยิ่งสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับกลุ่มวายแอลจีได้มากขึ้นไปด้วย
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อิเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG BULLION INTERNATIONAL) และบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG BULLION & FUTURES) เป็นบริษัทในเครือของจากบริษัท ยูหลิม โกลด์ จำกัด (YOO LIM GOLD) ผู้นำด้านการผลิตและส่งออกเครื่องประดับอัญมณีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และมีประสบการณ์สำหรับลูกค้ารายใหญ่มากว่า 20 ปี ซึ่งได้ก่อตั้งบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เพื่อรองรับธุรกิจด้านการนำเข้าทองคำแท่ง และนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องประดับอัญมณีของบริษัท ยูหลิม โกลด์
ส่วนการลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส ผู้ลงทุนสามารถทำกำไร ได้ทั้งในช่วงราคาทองขึ้นและลง ตามความคาดการณ์ของผู้ลงทุน โดยมีโอกาสรับกำไรที่เหนือกว่าด้วยต้นทุนต่ำกว่า ด้วยการซื้อขายที่ใช้เงินทุนน้อย ประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญาทั้งจำนวน จึงทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง เมื่อเทียบกับเงินทุน ซึ่งต่างจากการลงทุนประเภทอื่น ที่อาจจะต้องใช้เงินลงทุนเต็มจำนวน ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้นอยู่ เพราะการซื้อขายมาจากความคาดการณ์ราคาทองคำในอนาคตของผู้ลงทุน แต่ก็มีความเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับราคาทองคำ ที่ซื้อขายและส่งมอบในปัจจุบัน และราคาทองคำมีความสัมพันธ์ (Correlation) ติดลบ เมื่อเทียบกับ SET Index
ขณะเดียวกัน โกลด์ ฟิวเจอร์สถือเป็นเครื่องมือในการลงทุน เพื่อลดภาวะความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) เพราะราคาทองคำมักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับดัชนีราคาผู้บริโภค และราคาน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายง่าย สภาพคล่องสูง เนื่องจากมีการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือโทรศัพท์สั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์อนุพันธ์ หรือระบบอินเตอร์เน็ต ตลอดเวลาทำการของ TFEX และมีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) คอยสร้างสภาพคล่องให้มีการซื้อขายได้ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานบริษัท ออสสิริส ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านการลงทุนทองคำ กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นนายหน้าสัญญา ซื้อขายทองคำล่วงหน้า (โกลด์ฟิวเจอร์ส) โดยดำเนินการ ผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท ทีซี ออสสิริส และกำหนดเป้าหมายว่าภายใน 2 ปี จะคืนทุน พอถึงช่วงปี 2554 คาดว่าน่าจะเริ่ม สร้างกำไรภายใต้สมมติฐานว่ามีสัญญาซื้อขายเฉลี่ย 150-200 สัญญาต่อวัน เนื่องจากบริษัทมีฐานลูกค้าเดิมของบริษัทที่มีความสนใจจะเข้ามาสู่การลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส ประมาณ 10-20% จากฐานะลูกค้าที่มี 5,000-7,000 ราย ซึ่งปัจจุบันนี้ได้พยายามให้ความรู้กับลูกค้าถึงการลงทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ที่ผ่านมา ได้มีผู้ประกอบการร้านทองหลายรายยื่นขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกเช่นกัน อาทิ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ฟิวเจอร์ส บริษัท ที ซี ออสสิริส ฟิวเจอร์ส บริษัท ที ซี ออสสิริส ฟิวเจอร์ส เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ประกอบการค้าทองคำ หันมาขยายช่องทางรายได้โดยตั้งบริษัทโบรกเกอร์เพื่อทำธุรกิจเฉพาะนี้ เชื่อว่าจะได้เปรียบกว่าโบรกเกอร์ที่ประกอบธุรกิจด้านซื้อขายอนุพันธ์ในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ในตลาด35 บริษัท เนื่องจากโบรกเกอร์ที่มีพื้นฐานมาจากการค้าทองคำ จะมีฐานลูกค้าซื้อขายทองคำอยู่ในมือแล้ว จึงทำตลาดง่ายกว่าเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ทั่วไป
|
|
|
|
|