|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหุ้นไทย เมินข่าวแบงก์ชาติหั่น ดอกเบี้ยอาร์พีถึง 0.75% ดัชนีตลาดหุ้นบวกแค่ 5.70 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1.2 หมื่นล้านบาท ด้าน 'มนตรี ศรไพศาล' เสนอ 5 กลยุทธ์ที่นักลงทุนต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนในภาวะตลาดหุ้นผันผวน ขณะที่โบรกเกอร์คาดการณ์ ตลาดหุ้นยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หลังไม่มีปัจจัยเข้ามา สนับสนุน
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (14 ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ทั้งแดนบวก และแดนลบ โดยช่วงเช้าได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจของรัฐบาล บวกกับที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.75% เหลือ 2%
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 431.20 จุด สูงสุดที่ 442.65 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 439.51 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 5.70 จุด หรือ 1.31% มูลค่าการซื้อขาย รวม 10,220.52 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 437.20 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 792.62 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,229.82 ล้านบาท
นายมนตรี ศรไพศาล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KSET กล่าวว่า จากภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนอยู่ขณะนี้ นักลงทุนควรพิจารณาการลงทุนด้วย 5 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นแรก พิจารณาผลการดำเนินงานของธุรกิจอดีตที่ผ่านมา สินทรัพย์และความสามารถการแข่งขันในธุรกิจ
ประเด็นที่ 2 ความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ โดยพิจารณาจากอัตราหนี้สินต่อทุน จากปัจจุบันภาวะตลาดหุ้นที่ไม่ดี บริษัทจดทะเบียนควรมีอัตราหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 1.5 เท่า เทียบกับวิกฤตต้มยำกุ้งในช่วงปี 2540 บริษัทจดทะเบียนมีอัตราหนี้สินต่อทุนสูงถึง 5 เท่า
ประเด็นที่ 3 ความสามารถและจริยธรรมของผู้บริหาร ที่จะต้องไม่ซ้ำรอยของกรณี บมจ. เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) 4. ปริมาณหุ้นที่หมุนเวียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดีและเป็นที่นิยมของนักลงทุน และ 5. จังหวะในการซื้อขายที่ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ลงทุนที่แตกต่างกันไป
นายมนตรีกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรม-การนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 วัน (อาร์/พี) อีก 0.75% เหลือ 2% นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่มีต้นทุนทางการเงินลดลง รวมทั้งเป็นการเพิ่มกำลังซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคด้วย
สำหรับภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์นั้น นายมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทบางแห่ง มีการปล่อยวงเงินสินเชื่อ (มาร์จิ้น) ในหุ้น ที่มีความเสี่ยงสูงมากถึง 20-30% หากการ บังคับขายหุ้นตัวแรกเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบ ต่อหุ้นตัวอื่นๆ ด้วย ทำให้ราคาหุ้นบางตัวมีระดับราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริง เนื่องจาก อาจมีการนำมาร์จิ้นมาเพื่อพยุงราคาหุ้น
'บล.กิมเอ็ง จะไม่รับความเสียหายในช่วงที่มีการบังคับขายหุ้น เพราะหุ้นที่มีความ เสี่ยงสูง บริษัทจะมีการเรียกวงเงินประกันเพิ่มขึ้น หรืออาจต้องซื้อด้วยเงินสดเต็ม 100% ของราคาหุ้น'
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า แนวโน้ม ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (15 ม.ค.) น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุน ควรติดตามดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ และตลาดเอเชีย ตลอดจนราคาน้ำมันโลก ดังนั้น แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่มพลังงานที่อาจได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมัน และกลุ่มธนาคารที่อาจมีการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้นหลัง กนง. ประกาศลดดอกเบี้ย ทั้งนี้ประเมินแนวรับ 433 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 450 จุด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นบวกกับดัชนีได้ออกตัว ไปค่อนข้างมากแล้ว จึงกลายเป็นปัจจัยผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศจากการที่ ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 2% แต่ไม่ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นมากนัก เพราะนักลงทุนได้คาดการณ์ไว้แล้ว
'แนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนต้องติดตาม ทิศทางราคาน้ำมันโลก และตลาดหุ้นต่าง-ประเทศ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะให้เก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารที่ได้รับแรงหนุนจาก การลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีแนวรับที่ 430 จุดและแนวต้านที่ 450 จุด'
|
|
|
|
|