Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 มกราคม 2552
นมเมจิลดไซซ์รับกำลังซื้อหดเชสเตอร์กริลล์ชูเมนูถูกกระตุ้น             
 


   
www resources

โฮมเพจ ซีพี-เมจิ

   
search resources

เชสเตอร์ ฟู้ด, บจก.
Dairy Product
ซีพี-เมจิ, บจก.




เชสเตอร์ กริลล์ ส่งเมนูประหยัด-สุขภาพ รับมือวิกฤตเศรษฐกิจ กระทบพฤติกรรมการกินอาหารนอกบ้านวูบ หั่นราคาอาหาร 8 ชุดเปิดตัวทุกไตรมาส ชี้ปีวัวตลาดฟาสต์ฟูดแข่งสงครามราคา โปรโมชันเดือด ชิงลูกค้า ตั้งเป้า 5 ปี ขยาย 300 แห่ง สิ้นปีนี้โกย 1,400 ล้านบาท โต 20% ด้านนมซีพี-เมจิลดไซซ์รับกำลังซื้อหด

นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ ด้านปฏิบัติ บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำกัด ผู้ดูแลรับผิดชอบธุรกิจร้านอาหารเชสเตอร์ กริลล์และเชสเตอร์ คอฟฟี่ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ทางการตลาดในปี 2552 จะชูเรื่องของสุขภาพและความคุ้มค่าเป็นหลัก โดยมีแผนเปิดตัวชุดอาหารลดราคาประมาณ 8 ชุด โดยแบ่งเป็นไตรมาสละ 2 ชุด รวมทั้งมีการจัดชุดอาหารแบบคุ้มค่า 4 รายการ แบ่งเป็นไตรมาสละ 1 รายการ จากปัจจุบันผู้บริโภคที่ซื้อชุดคอมโบเฉลี่ยอยู่ที่บิลละ 100-110 บาท โดยราคาเฉลี่ยชุดละประมาณ 70-90 บาท

ปีที่ผ่านมากลุ่มอาหารทานเล่น โดยเฉพาะไก่กระเป๋ายอดขายตกลง 15-20% ดังนั้นเราจึงต้องจับตาพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และเปิดตัวเมนูประหยัดออกมา ซึ่งการปรับตัวโดยหันมาเน้นความคุ้มค่า เพื่อรองรับกับแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในปี 2552 มองว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันเรื่องของราคา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งในปีนี้บริษัทไม่มีแผนปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้น

สำหรับการขยายสาขาปีนี้ 20 สาขาเป็นอย่างต่ำและอาจสูงสุดถึง 30 สาขาในทั่วประเทศ โดยจะเน้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 80% และต่างจังหวัด 20% ทั้งนี้ยังมีการขยายสาขาไปกับทางปั๊มน้ำมันปตท. 15 สาขา ทั้งในส่วนกรุงเทพและปริมณฑล เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทาง คาดว่าภายในปี 2556 หรืออีก 5 ปี จะสามารถขยายสาขาทั้งสิ้นเป็น 300 สาขาในทั่วประเทศ จากปัจจุบันมี 148 สาขา

นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า การขยายสาขาของเชสเตอร์ กริลล์ ส่วนใหญ่จะเป็นการขายแฟรนไชส์ โดยปัจจุบันมีสัดส่วน 60% และเป็นของบริษัท 40% ทั้งนี้คาดว่าภายใน 3 ปี จะมีสัดส่วนของการขยายแฟรนไชส์ 75% และบริษัทเหลือเป็น 25% สำหรับการทำแฟรนไชส์ใช้เงินลงทุนประมาณสาขาละ 5-6 ล้านบาทต่อสาขา โดยถือเป็นการลงทุนที่เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ทั้งนี้กลุ่มบุคคลที่ร่วมลงทุนการขยายสาขาแบบแฟรนไชส์ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว แต่มีการเพิ่มธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีการทบทวนแผนการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งพื้นที่ที่มองว่าจะลงทุนส่วนใหญ่ จะเป็นพื้นที่ที่มีฐานการผลิตของบริษัทซีพี อย่างมาเลเซีย เวียดนามและสิงค์โปร์

ผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เติบโต 18% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยการเติบโต 10% มาจากการขยายสาขาใหม่ 20 แห่ง และสาขาเดิมเติบโต 8%

ซีพี-เมจิลดไซซ์รับกำลังซื้อหด

นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดปีนี้บริษัทปรับขนาดผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ แทนที่ปรับราคาขึ้น ล่าสุดได้ปรัจากเหลือ 100 ซีซีจาก 120 ซีซี ราคากล่องละ 11.50 บาท หรือในขนาดขนาด 450 ซีซี อาจลดลงเหลือ 400 ซีซี ต่อไปจะมีการลดขนาดในไลน์สินค้าอื่นๆ

ด้านการพัฒนาสินค้าเน้นผลิตสินค้ามีคุณภาพ ตอบสนองผู้บริโภครุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพ โดยจะลดปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ของซีพีทุกรายการ เริ่มต้นจาก คัพโยเกิร์ต นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม และยังสามารถขยายตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ส่วนไตรมาส 2 จะทยอยส่งสินค้าพรีเมียมในกลุ่มนมพาสเจอร์ไรส์

ปีนี้บริษัทใช้งบ 180 ล้านบาท แบ่งเป็น งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 80 ล้านบาท เป็นการลงทุนไลน์การผลิตต่างๆ ภายในโรงงาน เพื่อรองรับแผนการทำตลาดที่วางไว้ว่าจะมีการส่งนวัตกรรมใหม่ออกมาทุกไตรมาส ทั้งนี้คาดว่าสิ้นปีส่วนแบ่งเพิ่มจากกว่า 51% เป็น 55% จากมูลค่าตลาดพาสเจอร์ไรส์ 3,100 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us