|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
'สามชัย สตีล' เสียงอ่อยไตรมาส 4 ปี 51 ขาดทุนแน่ ผลจากเหล็กในสต๊อก หลังราคาเหล็กปรับลดทำให้ต้องขาดทุนจากการสต๊อกเหล็ก ขณะที่การตัดขาดทุนจากสินค้าคงคลัง ขึ้นอยู่กับผู้สอบบัญชีจะตัดงวดเดียวหมดหรือทยอยตัด รับครึ่งแรกปี 52 ไม่กระเตื้อง เชื่อภาพรวม ยังไม่ฟื้น รอผลครึ่งปีหลัง เล็งซื้อหุ้นคืนหลังราคาหุ้นปรับลดต่ำกว่าพาร์ เตรียมขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น เมษายนปีหน้า
นายพัชวัฎ คุณชยางกูร รองประธานกรรมการและผู้จัดการ บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) จำกัด(มหาชน) (SAM) เปิดเผยว่าผลงาน ไตรมาส 4 ที่จะปิดงบลงนั้น แนวโน้มขาดทุนเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเกิดจากการขาดทุนจากสต๊อกสินค้าคงคลัง หลังราคาเหล็กในตลาดโลกต่ำลงเมื่อผ่านช่วงกลางปี 51 มาแล้ว ซึ่งต่างจากช่วงครึ่งแรก ที่บริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายเหล็กเพราะราคาเหล็กตลาดโลกเป็นช่วงขาขึ้น
'แต่การสต๊อกสินค้าคงคลังของเราก็มีหลายราคา เราซื้อเข้ามาตอน 31-32 บาท และบางล็อตก็ 20 กว่าบาท แต่พอตอนเราขายก็ต้องมาดูกันว่าเราจะได้ส่วนต่างมากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยรวมแน่นอนราคาเหล็กลงเราก็แย่ เพราะปกติ เรามีสต๊อกไว้ประมาณ 2 หมื่นตัน'
อย่างไรก็ตาม ผลงานของ SAM สองไตรมาสแรกถือว่าดีต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาส 3 เป็นช่วงที่ราคาเหล็กเริ่มนิ่งและไตรมาส 4 ถือว่าเป็นช่วงราคาเหล็กเริ่มปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาเหล็กจังหวะขายออกไปนั้นแต่ละชนิดราคาตลาดจะอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะหากราคาขายได้ใกล้เคียงกับราคาสต๊อกไว้ก็ย่อมทำให้ส่วนต่างราคามีน้อย นั่นหมายถึงการขาดทุนจากการสต๊อกสินค้าย่อมลดลงด้วย
ดังนั้น ราคาเหล็กผันผวนหนักส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของบริษัทปีนี้ ที่ก่อนหน้าผู้บริหารออกมาย้ำว่าจะโกยรายได้สูงถึง 5-6 พันล้านบาท และไม่น่าจะพลาดเป้า แต่พอราคาเหล็กในตลาดโลกปรับลดต่ำลงในช่วงปลายปี ทำให้เกิดผลขาดทุนจากราคาสินค้าอย่างเห็นได้ชัด
' ยอมรับไตรมาส 4 เราแย่ เพราะขาดทุนจากราคาเหล็กที่เราสต๊อกไว้ แต่จะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผู้ตรวจบัญชีว่าจะให้ลงบันทึกแบบใด เพราะหากให้เป็นขาดทุนจากการสต๊อกสินค้าคงคลังทีเดียวก็คงหนัก แต่ก็เป็นการตัดแล้วหมดเลย แต่ถ้าทยอยตัดก็จะมีผลกระทบต่องบการเงินต่อไปจนถึงผลปีหน้า แต่จะตัดแบบใดคงต้องขึ้นอยู่กับผู้ตรวจบัญชีของเรา' นายพัชวัฎกล่าว
นอกจากนี้ ออเดอร์ที่มีเข้ามานั้นแม้จะต่อเนื่อง แต่หลังจากราคาเหล็กปรับลดและเกิดวิกฤตทางการเงินขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ก่อนจะลุกลามใหญ่ ทำให้การส่งมอบสินค้าไม่อาจเป็นไปได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ออเดอร์เข้ามานั้นก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าลูกค้าจะยังต้องการสินค้าหรือไม่ เพราะมีออเดอร์ที่ยังค้างรอการส่งมอบซึ่งประเมินยากสำหรับผู้จำหน่ายเหล็ก
แม้ว่าตั้งแต่ปลายปี 50 จนกระทั่งมาถึงครึ่งแรกปี 51 ยอดขายของบริษัทเพิ่มสูงจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผล ให้ตัวเลขกรอส มาร์จิ้นของบริษัทเพิ่มจาก 9% เป็น 18% และเน็ตมาร์จิ้นเพิ่มจาก 3-4% เป็นสูงกว่า 10% เนื่องจากราคาจำหน่ายพุ่งสูงต่อเนื่องจากปี 50 แล้ว
ขณะที่แผนการส่งออกเพิ่มจากเดิมที่ส่งออกไม่ถึง 5% ก็เพิ่มเป็นเกือบ 15% ส่งผลให้เม็ดเงินส่งออกเพิ่มจาก 300 ล้านบาท เป็นเกือบ 1 พันล้านบาท ซึ่งการส่งออกเพิ่มนั้น เป็นผลเนื่องจากความเสี่ยงของตลาดในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความผันผวนในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ส่งผลต่อตัวเลขความต้องการใช้ที่แท้จริงลดลง ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว สวนทางกับตลาดต่างประเทศที่แน่นอนและความต้องการท่อเหล็กยังสูงต่อเนื่อง โดยตลาดส่งออกส่วนใหญ่เป็นตลาดในยุโรป ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนนอกจากราคาเหล็กปรับลดลงแล้ว ยังรวม ถึงวิกฤตการเงินที่ถือว่าส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก จึงเป็นเรื่องที่ประเมินได้ยาก แม้ว่ายุโรปได้ยกเลิกมาตรการแอนตี้ ดัมปิ้ง ไปแล้วก็ตาม
นายพัชวัฎกล่าวว่า ปี 52 เป็นปีที่บริษัทประเมินยาก เพราะผลกระทบที่เกิด ปัญหาการเงินลุกลามในสหรัฐฯและลามไปยังยุโรป ส่งผลกระทบกับผู้ส่งออกไม่เพียงแต่ SAM แต่ยังรวมถึงทุกธุรกิจ ขณะที่รัฐบาลใหม่ไทยที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ นั้น ต้องจับตาดูกันว่าจะกำหนดทิศทางและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร แต่สิ่งที่แน่นอนคือเชื่อว่าครึ่งแรกปีหน้าเศรษฐกิจโดยไม่ฟื้นตัว และคงต้องลุ้นครึ่งปีหลังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นมาได้มากน้อยแค่ไหน
'ถือเป็นปีที่เราต้องบริหารงานแบบลำบาก ซึ่งผู้ประกอบการรายไหนก็คงเช่นกัน เพราะประเมินเหตุการณ์ได้ยาก ดังนั้นการประมาณการรายได้ของเรายังไม่สรุปออกมา เพราะไม่รู้จะกำหนดทิศทางไปแบบใด และผู้บริหารเหมือนขอ เวลาตั้งตัวก่อน เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์ จะลุกลามบานปลายหลายเรื่องผสมปนเป ซึ่งต้องมองระยะสั้น' นายพัชวัฎกล่าว
เล็งซื้อหุ้นคืนหลังราคาตก
นายพัชวัฎกล่าวว่า บริษัทเริ่มหันมา ให้ความสำคัญต่อการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน หลังจากที่ตลาดหลัก- ทรัพย์แห่งประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนบริษัทจดทะเบียน โดย SAM มีแผนซื้อหุ้นคืนแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้า บริษัทไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้นัก เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาปัจจัยพื้นฐานมาก ซึ่งบริษัทเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเดือนเมษายน ปี 52 ขณะการจ่ายเงินปันผลงวดสิ้นปี 51 นั้น เป็นไปได้ยาก หากบริษัทมีผลขาดทุนจาก การดำเนินงานและแนวโน้มจะเป็นตามนั้น แม้ว่าบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ไปแล้วหุ้นละ 9 สตางค์ก็ตาม
ปัจจุบัน ราคาหุ้น SAM เทรดกันระดับราคาหุ้นละ ต่ำกว่า 1 บาท จากก่อน หน้านี้เทรดกันเหนือราคา 2 บาท ซึ่งขณะนั้นยังถือว่าต่ำกว่าราคาปัจจัยพื้นฐาน และขณะนี้กลับมาเทรดต่ำกว่าราคาพาร์แล้ว ซึ่งเป็นไปทั้งตลาดที่ราคาหุ้นปรับลด ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
|
|
 |
|
|