ศึกโรงหนังราชดำริแข่งเดือด อีจีวีเปิดตัวโครงการอีจีวี เมโทร-โพลิส มหานครความบันเทิง
พ.ย.นี้ ในบิ๊กซี ราชดำริ ส่งบริการใหม่โบว์ลิ่ง-ฟิตเนส ดูดลูกค้า มั่นใจดึงผู้ชมจากคู่แข่งเมเจอร์
เวิลด์เทรดฯ ด้วยบริการที่ครบวงจร คุยปีหน้าขยายตัวได้ 30% จากสาขาใหม่ดันรายได้โต
ด้านเมเจอร์เชื่อไม่กระทบจากลูกค้า มีแบรนด์ ลอยัลตี้ เผยเปิดสาขาชนคู่แข่งมาแล้ว
10 แห่ง ทุกโครงการอยู่รอดไม่มีปัญหา สิ้นปียังมั่นใจเป้ายอดขายเมเจอร์ เวิลด์เทรดฯ
ทำได้ 2 ล้านใบ ส่วนภาพรวม ปีนี้โต 30% ครองส่วนแบ่งตลาด 50%
ในพื้นที่ย่านราชดำริ นอกจากการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ในสภาพ รุนแรง
จากผู้ประกอบการรายเดิม ทั้งการปรับตัวของกลุ่มอัมรินทร์ พลาซา เกสร และการเปิดตัวในโครงการเซ็นทรัล
เวิลด์ พลาซา ในศูนย์การเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์เดิม บิ๊กซี ราชดำริ และการเกิดใหม่ของโครงการอภิมหาโปรเจ็กต์ระดับประเทศอย่างสยามพารากอน
ในอีก 2 ปีข้างหน้า ส่งให้สภาพการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกย่านราชดำริ เป็นที่จับตามองว่าใครจะอยู่
ใครจะไป เมื่อทุกโครงการพร้อมรบในกลางปี 2548
แต่ยังมีอีกธุรกิจที่น่าจับตามอง ด้วยสภาพการแข่งขันไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
คือ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ เพราะในเดือน พ.ย.นี้ อีจีวี เมโทร-โพลิส ในโครงการบิ๊กซี
ราชดำริ จะเปิดบริการแบบประจันหน้ากับเมเจอร์ เวิลด์เทรดฯ เป็นการเปิดสมรภูมิรบของธุรกิจโรงภาพยนตร์ในย่าน
นี้รอบแรก และหลังจากนั้นอีก 2 ปี เมเจอร์ สยาม พารากอน ก็จะผุดขึ้นด้วยจำนวนกว่า
5,000 ที่นั่ง อยู่ติดประชิดกับแกรนด์ อีจีวี สยามดิส-คัฟเวอรี่ ถือเป็นการเปิดศึกของ
2 ค่ายยักษ์เมเจอร์-อีจีวี บนพื้นที่ใจกลางเมืองแบบสมบูรณ์แบบที่สุด
อีจีวีเปิดแฟรกชิฟสโตร์แห่งที่ 2
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีจีวี เอนเตอร์เทนเมนต์
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเดือนพ.ย.นี้ บริษัทจะเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์อีจีวี
เมโทรโพลิส สาขาบิ๊กซี ราชดำริ ซึ่งเป็นสาขาแฟรกชิฟสโตร์ แห่งที่ 2 รองจาก แกรนด์
อีจีวี สยามดิสคัฟเวอรี่ ใช้งบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท
โดยสาขาใหม่นี้จะเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ครบวงจรที่สุดในย่านราชดำริ
เนื่องจากเป็นสาขาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ 25,000 ตารางเมตร บริเวณชั้น 5 ,6 และ
7 บนอาคารบิ๊กซี ราชดำริ ที่บริษัทเป็นผู้บริหารพื้นที่เอง โดยมีสัญญาเช่า 25
ปี
สำหรับอีจีวี เมโทรโพลิส ที่กำหนดให้เป็นมหานครของความบันเทิง ประกอบไปด้วยโรงภาพยนตร์
10 โรง ได้แก่ ดีลักซ์ คลาส 8 โรง และโกลด์ คลาส 2 โรง ,โรงดิจิตอล D-Cine ที่สามารถร้องเพลงได้อีก
27 โรง โบว์ลิ่งรูปแบบ ใหม่ 20 เลน พื้นที่ค้าปลีก และร้านอาหารขนาด ใหญ่ พื้นที่
1,700 ตารางเมตร Fifth Avenue มินิพลาซา สำหรับร้านค้าเช่าขนาดเล็ก พื้นที่ 1,500
ตารางเมตร ,พื้นที่โปรโมชั่น 1,100 ตารางเมตร เพื่อรองรับงานกิจกรรมต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีฟิตเนสเซ็นเตอร์ พื้นที่ 1,900 ตารางเมตร ,ห้องจัดเลี้ยง และฮอลลีวูด
ฮอลล์ พื้นที่ 1,600 ตารางเมตร สำหรับจัดงานเปิดตัวภาพยนตร์หรือสินค้า และใช้จัดโปรโมชั่นต่างๆ
โดยจะถ่ายทอดสดผ่านจอ LED Board ขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคาร
นายวิชัย กล่าวว่า อีจีวี เมโทรโพลิส เป็นสาขาที่มีทำเลที่ตั้งดีที่สุดในย่านดังกล่าว
เพราะมีเส้นทางเข้าออกได้ 4 ถนนหลัก ขณะที่คู่แข่งในพื้นที่ ทั้งเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์
และสยามพารากอน จะมีถนนหลักด้านหน้าเท่านั้น นอกจากนี้สาขาดังกล่าวยังมีบริการครบวงจรที่สุดย่านนี้
ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงกลุ่มลูกค้ามาจากโรงหนังคู่แข่งในพื้นที่ได้
"ปัจจุบันรูปแบบการรับชมภาพยนตร์ของผู้บริโภค ไม่ได้ต้องการเพียงรับชมภาพยนตร์เท่า
นั้น เพราะเป็นบริการที่ไม่แตกต่าง ทุกโรงภาพยนตร์ก็จะฉายเรื่องเดียวกันอยู่แล้ว
แต่ผู้ชมต้องการบริการครบวงจร ที่ไม่ใช่แค่โบว์ลิ่ง แต่ต้องการบริการที่หลากหลายและเป็นเทรนดี้
เช่น ฟิตเนส ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากที่สุดในขณะนี้" นายวิชัย กล่าว
ขยายธุรกิจโบว์ลิ่ง-ฟิตเนส
สำหรับพื้นที่อีจีวี เมโทรโพลิส เป็นสาขาใหญ่ที่สุดของอีจีวี มีพื้นที่มากกว่าสาขาอื่นๆ
3-5 เท่า ดังนั้นบริษัทจึงต้องเสริมบริการที่หลาก หลายเข้ามาในสาขานี้ โดยบริการที่เพิ่มขึ้นคือ
โบว์ลิ่ง ที่บริษัทจะลงทุนเองเป็นครั้งแรก แต่ใช้เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา
ส่วนบริการฟิตเนสเซ็นเตอร์ ที่เป็นเทคโนโลยีจากสหรัฐเช่นกัน กำลังอยู่ระหว่างการตัด
สินใจว่าจะปล่อยเช่าพื้นที่ให้ผู้ประกอบการ หรือ อีจีวีจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย แต่ให้เจ้าของเทคโนโลยีเป็นผู้บริหารงาน
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท
อย่างไรก็ตามหากทดลองเปิดโบว์ลิ่ง และฟิตเนสเซ็นเตอร์ ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
บริษัทก็จะพิจารณานำบริการทั้ง 2 รูปแบบไปเปิด ในสาขาอื่นๆ ของอีจีวี ต่อไปด้วย
โดยมีหลายสาขาที่อีจีวีสามารถเสริมบริการทั้ง 2 เข้าไปได้
นายวิชัย กล่าวต่อว่า บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายตั๋วของอีจีวี เมโทรโพลิส ไว้ปีละ
1 ล้านใบ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ต่ำกว่าการประมาณการในอดีต เพราะหากเทียบจากขนาดของโรงหนังที่ใหญ่กว่า
สาขาทั่วไป ด้วยไซส์ขนาดนี้จะต้องขายตั๋วได้ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านใบต่อปี แต่ด้วยพัฒนาการของโรงหนัง
เช่น โรงดีลักซ์ ที่มีเก้าอี้ขนาดใหญ่ขึ้น โรง D-Cine ที่มีบริการร้องเพลง ทำให้ราคาตั๋วหนังเพิ่มขึ้นตามบริการไปด้วย
ดังนั้นจึงตั้งเป้าหมายยอดขายตั๋วไว้เพียง 1 ล้านใบเท่านั้น แต่จะมีรายได้สูงกว่าโรงปกติทั่วไป
อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่าผลประกอบการปี 2547 (ก.ค.46-มิ.ย.47) อีจีวีน่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้น
30% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยอีจีวี เมโทรโพลิส ถือเป็นสาขาสำคัญช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตดังกล่าว
เมเจอร์ไม่เชื่อดูดผู้ชมไปได้
ทางด้านนายอนวัช องค์วาสิฏฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมเจอร์ เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ มีทั้งหมด 7 โรง
ประมาณ 1,200 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายตั๋วปีละ 2 ล้านใบ และถือเป็นสาขาหนึ่งที่มีบริการครบวงจรทั้งพื้น
ที่ค้าปลีกของเมเจอร์เอง มีโบว์ลิ่ง 32 เลน ร้านอาหารที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังอยู่ในอาคารเดียวกับ
2 ห้างสรรพสินค้า คือ อิเซตัน และเซน และอีก 1 ศูนย์การค้าคือ เซ็นทรัล เวิลด์
พลาซา ทำให้เมเจอร์ เวิลด์เทรดฯ เป็นโรงภาพยนตร์ที่ครบวงจรมากที่สุดแห่งหนึ่ง และสามารถสู้กับคู่แข่งขันในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามอย่างอีจีวีได้
"การเปิดสาขาในพื้นที่เดียวกับคู่แข่งขัน ทั้งแบบที่เมเจอร์อยู่ในพื้นที่ก่อน
และเข้าไปเปิดสาขาหลังคู่แข่งขัน เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนับ 10 ครั้งแล้ว และทุกครั้งยืนยันได้ว่า
ช่วยทำให้ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้น และเมเจอร์เองก็ประสบความสำเร็จมาทุกครั้ง สาเหตุหลักน่าจะมาจากผู้ชมมีแบรนด์
รอยัลตี้ ในแบรนด์เมเจอร์ ดังนั้นการเข้ามาเปิดสาขาของอีจีวี เมโทรโพลิส อย่าง
เต็มรูปแบบในเดือนพ.ย.นี้ เมเจอร์จึงไม่ต้อง เตรียมแผนรับมืออะไร" นายอนวัช
กล่าว
สำหรับตัวอย่างการเข้าไปเปิดโรงภาพยนตร์ ที่เมเจอร์ประสบความสำเร็จมาแล้ว เช่น
สาขาเซ็นทรัล พระราม 3 ที่เมเจอร์เข้าไปดำเนินการแทนผู้ประกอบการรายเดิม ก็มียอดขายตั๋วเพิ่มขึ้น
3 เท่า ส่วนสาขาที่มีคู่แข่งขันอยู่ในพื้นที่ เช่น รังสิต ศรีนครินทร์ เมเจอร์ก็มีผลประกอบการเป็น
ที่น่าพอใจ
ราชดำริศูนย์กลางดูหนังกลางเมือง
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าพื้นที่ตั้งแต่สยาม สแควร์เป็นต้นมาถึงย่านราชดำริ ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางเมือง
มีโรงภาพยนตร์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มที่ เอสเอฟ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ,แกรนด์
อีจีวี สยามดิสคัฟเวอรี่ ,เมเจอร์ เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ล่าสุดอีจีวี เมโทรโพลิส
บิ๊กซี ราชดำริ และในอนาคตกลางปี 2548 ก็จะมีเมเจอร์ สยามพารากอน เกิดขึ้นอีก
1 แห่ง ซึ่งเป็นสาขาขนาดใหญ่ มีโรงภาพยนตร์ 16 โรง 1 โรงไอแม็กซ์ รวมกว่า 5,000
ที่นั่ง และมีโบว์ลิ่ง 50 เลน การเข้ามาเปิดสาขาของโรงภาพยนตร์แบบประจันหน้ากันของเมเจอร์และอีจีวีในย่านนี้
จะทำให้อัตราการดูหนังของผู้ชมเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะพื้นที่ใจกลางเมือง
หรือย่าน ซีบีดี แตกต่างกับพื้นที่ชานเมืองที่เป็นที่พักอาศัย เพราะพื้นที่กลางเมืองเป็น
แหล่งดำเนินธุรกิจ การศึกษา ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกจากระบบการคมนาคมที่ดี
ดังนั้นการเกิดแหล่งชอปปิ้ง หรือแหล่งบันเทิงใจกลางเมือง จึงเป็นแม่เหล็กที่สามารถดึงคนเข้ามาได้มากขึ้น
ทั้งวันธรรมดาที่ต้องเดินทางมาทำงาน เรียนหนังสือ และวันเสาร์-อาทิตย์ ที่คนจะมาพักผ่อน
ชอปปิ้ง ซึ่งจะมีประชากรสัญจรเข้ามาในพื้นที่มากกว่าพื้นที่อื่นๆ
ต่างจากสาขาที่อยู่ชานเมือง ที่จะมีกลุ่มลูกค้าเพียงกลุ่มเดียว คือ คนที่มีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเท่านั้น
สาขาในพื้นที่นี้จะได้รับผลกระทบมากกว่า หากมีโรงภาพยนตร์อยู่ในพื้นที่หลายสาขา
เพราะมีพฤติกรรมดูหนังที่โรงภาพยนตร์ใกล้บ้าน
ทั้งนี้ การขยายตัวของโรงภาพยนตร์จำนวน มาก จะทำให้ภาพรวมตลาดขยายตัว จะเห็นได้จาก
5 ปีก่อนที่ตลาดมีมูลค่าเพียง 1,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันตลาดรวมมีมูลค่าสูงถึง
3,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปีนี้น่าจะขยายตัวประมาณ 15-20%
ส่วนเมเจอร์คาดว่าจะขยายตัวมากกว่า 30% โดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 50%