Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์12 มกราคม 2552
จัดเก็บฉุดขาดดุล4.8แสนล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการคลัง

   
search resources

กระทรวงการคลัง
Economics




วิกฤตเศรษฐกิจพ่นพิษส่อขาดดุลเพิ่มเป็น 4.8 แสนล้าน สรรพากรยอมรับปี 52 จัดเก็บต่ำเป้า 10% หรือประมาณ 1.3 แสนล้าน เหนื่อยแน่! ต้องกู้นอกเสริม "กรณ์" กัดฟันบอกเอาอยู่ แค่ตัวเลขทางบัญชี พร้อมกำชับการจัดเก็บภาษีต้องไม่ไปรีดไถให้ประชาชนเดือดร้อน หวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเห็นผลภายในเดือนนี้

ภายหลังการประชุมร่วมกับ รมช.คลังและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง วานนี้ (8 ม.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมสรรพากรว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ในปี 2552 คาดว่าจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าถึง 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมกับการขาดดุลงบประมาณประจำปีอีก 3.5 แสนล้านบาท จะส่งผลให้การขาดดุลการคลังปีนี้สูงถึง 4.8 แสนล้านบาท ขณะที่กรมศุลกากรก็จัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย รวมทั้งรายได้นำส่งรัฐของรัฐวิสาหกิจที่มีแนวโน้มลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งหมดนี้จะสร้างภาระทางการคลังให้รัฐบาล และส่งผลต่อเนื่องถึงความสามารถในการจัดทำงบประมาณประจำปี 2553 ที่มีข้อจำกัดเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม รมว.คลังยังมองว่าการขาดดุลดังกล่าวอยู่ในขอบเขตที่รัฐบาลจะบริหารและจัดการได้ ประกอบกับการจัดทำงบประมาณปี 2553 ยืดหยุ่นเพียงพอจะรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจระยะยาว นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังมีช่องทางอื่นนอกจากงบประมาณที่ยังไม่ได้นำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจชะลอนี้ถือเป็นความจำเป็น ไม่ได้เป็นเรื่องของการใช้จ่ายที่มากไป แต่เป็นการทำน้อยไปมากกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ในขณะนี้เป็นเรื่องของการเร่งรักษาแผลเพื่อรักษาชีวิต โดยรายละเอียดจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและตนอยู่ระหว่างพิจารณา เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

"ต้องยอมรับว่าในทางบัญชีเราต้องขาดดุลการคลังปีนี้สูงถึง 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งมาจากขาดดุลงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาทและรายได้ของกรมสรรพากรต่ำเป้า 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งส่งผลให้รายได้ภาพรวมที่คาดจะได้ 1.58 ล้านล้านบาทจะเหลือเพียง 1.4 กว่าล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 10% แม้จะเป็นภาระกับรัฐบาลแต่ไม่คิดว่ารายได้ที่คาดจะต่ำลงจะเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ"

นายกรณ์กล่าวยืนยันว่า ในการจัดทำนโยบายหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ จะไม่ผลักภาระให้ประชาชนในระยะยาวและส่งผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในอนาคต และแม้คาดการณ์รายได้ของกรมสรรพากรจะต่ำกว่าเป้า ตนได้กำชับไปแล้วว่าการจัดเก็บต้องเป็นไปตามครรลองปกติ ไม่เร่งรัดรีดภาษีจากประชาชนและทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ทั้งนี้ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการภาษีมาช่วยเหลือผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในเดือนมกราคมนี้ ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อเสนอต่อ ครม.ภายในเดือน ม.ค.นี้.

"มาตรการด้านการคลัง ที่รัฐบาลนำมาใช้ อาจไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นต้องการให้สถาบันการเงินเข้ามาช่วยดูแลภาคแรงงานด้วย โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ" รมว.คลังกล่าว

เผยปัจจัยลบรุมเร้าทำคลังกระเป๋า

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนธันวาคม 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 76,249 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 22,836 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม – ธันวาคม 2551) จัดเก็บได้ 272,837 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 52,334 ล้านบาท โดยสาเหตุที่การเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ประกอบกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับภาคเอกชนจำนวนมาก ส่งผลดีต่อการลดผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากอำนาจซื้อประชาชนไม่ลดลงมากจากการเก็บภาษี และเอกชนมีสภาพคล่องหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สูงกว่าเป้าหมาย

ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมนั้น นอกจากการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บในสังกัดกระทรวงการคลังที่ต่ำกว่าประมาณการ 17,261 ล้านบาทแล้ว การคืนภาษีของกรมสรรพากรยังสูงกว่าประมาณการ 9,270 ล้านบาท โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,140 ล้านบาท เป็นผลจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากทั้งการนำเข้าสินค้าและการบริโภคภายในประเทศต่ำกว่าประมาณการ สำหรับภาษีน้ำมันจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 4,759 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์จาก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะหมดลงในสิ้นเดือนมกราคม 2552 นี้

สำหรับไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 226,928 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 7,155 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.1 โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่า ประมาณการที่สำคัญได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 8,505 และ 2,374 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8 และ 5.3 ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมและภาษีเงินได้นิติบุคคลยังเก็บได้สูงกว่าประมาณการ

กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 55,400 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสาร งบประมาณ 17,567 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.1 โดยสาเหตุสำคัญมาจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่ต่ำกว่าประมาณการถึง 13,861 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ และภาษีรถยนต์ที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,753 ล้านบาท ตามการชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ

กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 24,177 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 1,723 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.7 เป็นผลจากการชะลอตัวของมูลค่าการนำเข้าสินค้าเป็นสำคัญ และรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ 11,924 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 10,506 ล้านบาท หรือร้อยละ 46.8 โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯขอเลื่อนการนำส่งรายได้ออกไป รวมทั้ง บมจ. ทีโอที ยังไม่สามารถนำส่งรายได้ค่าธรรมเนียมการสื่อสารตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ขณะที่การคืนภาษีของกรมสรรพากร 63,607 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 16,961 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.4 โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สูงกว่าประมาณการ 14,184 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.8

ทั้งนี้ จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 ที่ต่ำกว่าประมาณ การถึง 52,334 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.1 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ (6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน) ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง กระทรวงการคลังคาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปีงบประมาณ 2552 นี้ จะต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 1.585 ล้านล้านบาท ในระดับที่ไม่กระทบต่อความยั่งยืนทางการคลัง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us