|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
มิสทิน ชี้ธุรกิจขายตรงครึ่งปีแรกซบ อัดฉีด 600 ล้านบาท กัดฟันกำไรลดเพื่อเพิ่มผลตอบแทน 1% จูงใจสาวขายตรงสมัครสิ้นปีได้ตามเป้า 8 แสนราย พร้อมเพิ่มความถี่โฆษณา หวังดันรายได้ปีวัวโต 10% กวาด 8,300 ล้านบาท หลังไตรมาสสี่ปีที่ผ่านมายอดขายลดลง 5%
นายดนัย ดีโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงมิสทิน และแคทตาล็อกจำหน่ายสินค้า ฟายเดย์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ลดลง 5% ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทุกไตรมาสของปี 2551 อีกทั้งยังคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยืดเยื้อมาถึงช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยเฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่าจะซบเซามากที่สุด อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์จะดีขึ้น โดยกำลังซื้อของผู้บริโภค ความมั่นใจในการใช้จ่ายจะฟื้น
แม้ว่าราคาสินค้าเกษตรจะตกลง และมีการปลดคนงานจะทำให้ตลาดไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโตไว้ 10% หรือคิดเป็นเงิน 8,300 ล้านบาท จากปี 2551 ที่ยอดขายเติบโตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยตั้งเป้าไว้ 7% แต่เติบโตถึง 13% หรือคิดเป็นเงิน 7,600 ล้านบาท จากสินค้าในกลุ่มเอ และบี ที่เติบโตถึง 55% และยอดการสั่งซื้อเฉลี่ยเติบโตขึ้น 7% หรือ 1,400 บาทต่อใบเสร็จ เป็น 1,500 กว่าบาทต่อใบเสร็จ และราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มไลน์ในสินค้ากลุ่ม เอ และ บี ที่มีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไป 70 - 80%
สำหรับงบการตลาดปีนี้ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยบริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ถึง 20 เรื่อง จากปีที่ผ่านมา 18 เรื่อง ขณะเดียวกันเพิ่มงบรางวัลตอบแทนให้กับสาวมิสทิน เพื่อกระตุ้นการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยจะเพิ่มจากปีก่อนๆ อีก 1% ซึ่งบริษัทยอมลงกำไรลง 1% ทำให้งบดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 4% จากปกติ 3% จากยอดขาย หรือคิดเป็นเงิน 80 ล้านบาทสำหรับงบที่เพิ่มขึ้นมา นอกจากนี้บริษัทได้ลงทุนติดตั้งระบบไอทีอีก 100 ล้านบาท เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและช่วยในการทำงานทางด้านการตลาด และการขาย รวมถึงเป็นการลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าอีกด้วย
ทั้งนี้กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทเพิ่มสาวมิสทินจาก 7 แสนคนในปัจจุบัน เป็น 8 แสนคนภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่สินค้าใหม่มี 400 รายการ โดยจะนำเข้าสินค้าที่ร่วมพัฒนากับบริษัทในต่างประเทศที่เป็นสินค้าในกลุ่มเอ และ บี เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลี มากขึ้น ทั้งนี้ได้วางงบการตลาดสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแบรนด์ ฟาริส บาย นาริส 60 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวกลางปีนี้ คาดว่าสินค้าในกลุ่มเอ และ บี จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือคาดว่าจะมีสัดส่วน 30 - 40% ของสินค้ามิสทินทั้งหมด
สำหรับตลาดในต่างประเทศ มีอัตราการเติบโต 130% หรือคิดเป็นเงิน 400 ล้านบาท เติบโตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 5% จากรายได้ทั้งหมด โดยในปีนี้ก็จะเดินหน้าทำตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นายดนัย กล่าวว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ ตั้งเป้าผลประกอบการ 1 หมื่นล้านบาท และในอีก 5-6 ปีข้างหน้านี้ บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้ส่งออกเครื่องสำอางไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ รัสเซีย เป็นต้น โดยสัดส่วนของการส่งออกยังอยู่ที่ 5% แต่มูลค่าจะเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกปี
|
|
|
|
|