ยามาฮ่าแก้เกมตลาดเอ.ที. ส่ง มีโอ 3รุ่นใหม่ พร้อม 3 พรีเซ็นเตอร์ขาร็อก แคลช, เรโทรสเปค,ดา เอ็นโดรฟีน เร่งขยายฐานลูกค้าวัยรุ่น ผนึกดีลเลอร์อัดโปรโมชั่นเสริมความแข็งแกร่งเต็มสูบ การขยับครั้งนี้ยามาฮ่ามองไกลถึงการคว้าตำแหน่งแชมป์ตลาดรถเอ.ที.ในเร็วๆนี้
แม้จะสามารถดันยอดขายจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ หรือ เอที รุ่น ฟีโน่ ติดลมบนได้ จนกลายเป็นรถจักรยานยนต์ในเซ็กเมนท์กลุ่มรถเรโทร และไลฟ์สไตล์ ที่ได้รับความนิยม และทำยอดขายได้สูงเป็นอันดับ 3 รองจากฮอนด้า เวฟ และฮอนด้า คลิก เป็นผลสำเร็จ แต่เมื่อมองภาพรวมเฉพาะตลาดรถรุ่น เอที แล้ว รถรุ่น มีโอ ซึ่งเปิดตัวในตลาดก่อนฟีโน่ และเป็นรุ่นที่ควรจะได้รับความนิยมของยามาฮ่า กลับตกไปอยู่ในอันดับ 4 ทั้งๆ ที่รถจักรยานยนต์รุ่นนี้เคยครองความเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ เอทีมาก่อน
ขณะที่ฮอนด้า ผู้ครองส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์อันดับ 1 นั้น ส่งรถฮอนด้า คลิก ทำตลาดช้ากว่าเกือบ 2 ปี แต่กลับสามารถดันยอดขายขึ้นแซงหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย และแบรนด์ที่แข็งแกร่งกว่า การปรับโฉมพร้อมของยามาฮ่า มีโอ ที่มาพร้อมกับการแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 3 รุ่น ทำให้น่าติดตามว่า ท้ายที่สุดแล้ว ยามาฮ่าจะสามารถสร้างความนิยมให้กับมาสู่รถรุ่นนี้ได้มากเพียงใด
ปัจจุบันยามาฮ่า มีโอสามารถทำยอดขายเฉลี่ยต่อเดือน 5,000 คัน โดยมีโอ ที่เปิดตัวใหม่นี้ประกอบด้วย MIO ZR, MIO MX และ MIO Z มีราคาเริ่มต้นที่ 42,500 – 44,500 บาท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ ประกาศว่า หลังจากนี้หวังว่า มันจะสามารถกวาดยอดขายเพิ่มเป็น 8,000 คันต่อเดือน
ความมั่นใจในตัวเลขยอดขายที่จะเพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจโลกนี้ เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในตัวสินค้า โปรดักส์ที่มีความสดใหม่ มีการออกแบบดีไซน์ ลวดลาย การตกแต่ง และใส่เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาอย่างครบครัน ไม่เพียงเท่านั้นแผนการตลาดที่มีการบรรจุเข้ามาในการรุกครั้งนี้ ก็มาแบบเต็มพิกัด
เริ่มตั้งแต่การกระตุ้นยอดขายด้วยเซลส์โปรโมชั่น ที่จะทำร่วมกับดีลเลอร์กว่า 270 แห่งทั่วประเทศ ด้วยการมอบกิ๊ฟต์เซ็ทมูลค่า 1,800 บาทให้กับลูกค้าผู้ซื้อรถมีโอทุกรุ่น ไม่เพียงเท่านั้นรูปแบบของการสื่อสารทางการตลาดที่ถือว่าเป็นจุดแข็งของยามาฮ่า คือ การนำเอาพรีเซ็นเตอร์เข้ามาช่วยในการสื่อถึงภาพลักษณ์ของตัวสินค้า โดยรุ่นมีโอ ที่ผ่านมาจะมีศิลปินวงแคลช เป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ในรุ่นใหม่นี้ได้มีการตอกย้ำภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้มีความชัดเจน และ ขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้น จึงมีการดึงเอาศิลปินน้องใหม่อีก 2 กลุ่มเข้ามาร่วมได้แก่ เรโทรสเปค และ ดา เอ็นโดรฟีน
การตัดสินใจเพิ่มพรีเซ็นเตอร์เพื่อสื่อสารการตลาดกับผู้บริโภคในครั้งนี้ หลายคนมองว่าเป็นการดำเนินรอยทางที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับฟีโน่ ที่แต่เดิมมีการใช้พรีเซ็นเตอร์ กอล์ฟ – ไมค์ ซึ่งการตอบรับเบื้องต้นนั้น แม้จะอยู่ในระดับที่ดี แต่เมื่อมีการศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้วกลับพบว่า ฟีโน่ นั้นยังมีลูกเล่นอีกหลากหลาย
ความหลากหลายของฟีโน่จึงเป็นโจทย์ให้ฝ่ายการตลาดได้คิด และคำตอบที่ออกมาทำให้มีการเพิ่มพรีเซ็นเตอร์อีก 3 คนคือ ชิน , เต้ย และ พันช์ ซึ่งทั้ง 3 คนเมื่อมารวมกับกอล์ฟ – ไมค์ ทำให้รูปแบบของฟีโน่ของแต่ละคนนั้น มีรูปแบบแตกต่างกันไปตามสไตล์ของแต่ละคน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ออกไป ก็สามารถสร้างกระแสให้ตลาดคัสตอมไมซ์ของมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะกับฟีโน่นั้นกลายเป็นฟีโน่ฟีเวอร์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามยามาฮ่ามองว่าแนวทางของมีโอใหม่ ที่มีการเพิ่มพรีเซ็นเตอร์นั้น รูปแบบคล้ายคลึงกับฟีโน่ แต่ต่างกันที่เป้าหมาย เพราะมีโอใหม่ ต้องมีการทำการตลาดที่แตกต่างเสมอ รวมไปถึงความแตกต่างนั้นจะต้องชัดเจนและสามารถขยายฐานผู้บริโภคได้
จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า การตัดสินใจเพิ่มพรีเซ็นเตอร์ของรถในรุ่นนี้ เป็นไปตามแผนการตลาดของยามาฮ่า ที่มีนโยบายสร้างความแตกต่าง และแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาความนิยมในตัวรถและพรีเซ็นเตอร์จะเป็นไปอย่างที่ตั้งเป้าไว้ แต่การเพิ่มพรีเซ็นเตอร์ใหม่ในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะขยายกลุ่มผู้บริโภคให้กว้างมากขึ้น จากเดิมที่มีทาร์เก็ตเป็นกลุ่มวัยรุ่นชายอายุตั้งแต่ 15 – 24 ปี เมื่อมี 2 พรีเซ็นเตอร์ใหม่เข้ามา ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสและทางเลือก โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบศิลปินแนวร็อครุ่นใหม่อย่าง เรโทรสเปค และ ดา เอนโดรฟีน
“พรีเซ็นเตอร์เดิมที่ใช้แคลชก็ยังคงอยู่ เพราะถือเป็นไอดอลของมีโอ และเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่มีความแข็งแกร่งมาก ส่วนพรีเซ็นเตอร์ใหม่อย่าง เรโทรสเปคและดา นั้น มองว่าทั้งสองกลุ่มมีแฟนคลับที่เหนียวแน่นและตรงกับทาร์เก็ตของเรา ดังนั้นการเลือกทั้งสองมาสื่อภาพลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ในรุ่นใหม่ของเราก็จะเป็นการเพิ่มทางเลือกและขยายฐานของลูกค้าให้เป็นแมสมากขึ้น เพราะแต่เดิมแคลชจะมีภาพลักษณ์ของความเป็นผู้ใหญ่ ตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่เข้ามาก็จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุน้อยลง มีความจี้ดจ้าด โฉบเฉี่ยวเหมือน เรโทรสเปค หรือ อาจจะเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบความหลากหลาย มีสีสันในสไตล์ ดา เอนโดรฟีน ซึ่งในส่วนของดานั้น นอกจากจะได้กลุ่มที่มีสไตล์ที่แตกต่างแล้ว ยังเป็นการขยายฐานผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มผู้หญิงอีกด้วย “จินตนากล่าว
นอกจากการสร้างความแตกต่างให้กับตลาด ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ พรีเซ็นเตอร์ใหม่แล้ว การนำเสนอของภาพยนตร์โฆษณาที่จะสื่อสารออกไปยังผู้บริโภคยังมีความแปลกใหม่ ด้วยการยกกองไปถ่ายทำใน 3 สถานที่ที่แตกต่างกัน แต่อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกันคือ MIO-Riding Beyond Imagination “มีโอ...การขับขี่เหนือจินตนาการ” โดยภาพยนตร์ชุดแรกที่นำเสนอคือวงแคลช มีการใช้สถานที่ของอลาสก้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภายใต้อากาศที่หนาวเย็นแต่เมื่อมีจินตนาการและมีโอ การขับขี่ที่ร้อนแรงก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
ขณะที่ชุดต่อไปที่นำเสนอโดยเรโทรสเปคนั้น ใช้สถานที่ของทะเลทราย เนวาด้า ซึ่งมีบรรยากาศที่ร้อนแรง นิ่งสงบ แต่เมื่อมีจินตนาการ มีโอก็สามารถสร้างความสนุกสนานเหนือทะเลทรายได้โดยไม่มีขีดจำกัด และ ภาพยนตร์โฆษณาชุดสุดท้ายที่นำเสนอผ่านดา เอ็นโดรฟีนนั้น ใช้สถานที่ของลาสเวกัส ที่จะเต็มไปด้วยสีสัน ความสดใส ซึ่งก็ตรงกับไลฟ์สไตล์และบุคลิกของพรีเซ็นเตอร์ และมีโอ ใหม่
ยามาฮ่ามองว่าการคัดเลือกศิลปินทั้ง 3 กลุ่ม เพื่อมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้นั้น เป็นการสร้างคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนให้กับรถในรุ่นต่างๆเมื่อผู้บริโภคเกิดความสนใจในพรีเซ็นเตอร์แล้วก็จะหันมาสนใจรถ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายเมื่อสนใจแล้วจะเกิดการศึกษาและจะกลายเป็นลูกค้าในอนาคต อย่างไรก็ตามกระบวนการก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนั้นยังมีปัจจัยหลากหลายเข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ สมรรถนะการขับขี่ การออกตัว การเร่งแซง การตกแต่ง ซึ่งในส่วนของการแต่งรถนั้นถือเป็นไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นยุคใหม่ที่ต้องการบ่งบอกว่าตนเองชอบอะไร และเป็นสไตล์ไหน
ความหลากหลายและลูกเล่นที่ยามาฮ่ามักจะสื่อสารผ่านพรีเซ็นเตอร์นั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะมีการเน้นการสื่อสารภาพลักษณ์ของตัวสินค้าผ่านพรีเซ็นเตอร์มาแล้วในทุกรุ่นทุกแบบ ซึ่งผลที่ออกมานั้นก็ออกดอกออกผลให้พวกเขาอย่างน่าพอใจ
“หลายคนมองว่ายามาฮ่าใช้งบประมาณกับพรีเซ็นเตอร์เยอะ ซึ่งจริงๆแล้ว เราพยายามใช้เงินให้คุ้มค่ามากที่สุด ทุกอย่างที่ใช้จ่ายเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ถือว่าสมเหตุสมผล ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นค่ายที่ใช้พรีเซ็นเตอร์เยอะนั้น เรามองว่าพรีเซ็นเตอร์ของยามาฮ่าในทุกรุ่นจะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันชัดเจน แม้ว่าศิลปินแต่ละคนจะมีแนวเพลงที่เป็นร็อกเกอร์ หรือป๊อปใส ๆ แต่ว่าการนำเสนอพรีเซ็นเตอร์ควบคู่กับตัวรถนั้น จะไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างในรุ่น สปาร์ค ที่มีบอดี้สแลม ก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์ในแบบเกียร์ธรรมดา ขณะที่ผู้บริโภคที่ชื่นชอบแคลช ก็จะเลือกมีโอ เพราะเป็นรถในเกียร์อัตโนมัติ หรือแม้แต่มีโอ ที่มีพรีเซ็นเตอร์ 3 กลุ่มก็จะมีการแบ่งกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะลวดลาย ดีไซน์ ต่างๆ ใครชื่นชอบศิลปินคนไหน ก็ต้องสนใจรถยนต์ในแบบนั้นๆก่อน ตรงจุดนี้ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะสื่อให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้เกิดความชัดเจน เรียกได้ว่าพรีเซ็นเตอร์เป็นเสมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่จะช่วยเติมเต็มยอดขายให้สมบูรณ์แบบได้”จินตนากล่าว
ถือเป็นไม้เด็ดส่งท้ายปีที่ของค่ายยามาฮ่า เพื่อประกาศถึงความพร้อมและความเป็นที่ 1 ในตลาดเกียร์อัตโนมัติอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเมื่อมองดูตัวเลขยอดขาย อัตราการเติบโต รวมไปถึงส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นเหนือคู่แข่งเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ของตลาดแล้ว ก็ต้องบอกว่าไม้เด็ดของยามาฮ่าที่ปล่อยออกมานั้น แรงและได้ผลดีจริงๆ
ขณะที่ภาพรวมตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในปี 2551 ตัวเลขรวม 11 เดือนตั้งแต่ ม.ค. – พ.ย.ยอดขายยังคงเติบโตด้วยปริมาณทั้งสิ้น 1,587,366 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 6 % เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยฮอนด้ายังครองอันดับ1ด้วยปริมาณยอดขาย 1,077,835 คัน เติบโต 3 % ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 68 % ยามาฮ่าตามมาในอันดับ 2 ด้วยปริมาณยอดขาย 405,422 คัน เติบโต 18 % ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 26 % และอันดับ 3 ซูซูกิ ด้วยปริมาณยอดขาย 76,333 คัน เติบโต 1% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 5 %
เมื่อแบ่งประเภทความนิยมในรถยนต์ในแบบต่างๆพบว่า แบบครอบครัว 817,493 คัน เติบโต 8 % หรือครองส่วนแบ่งทางการตลาด 51 % ขณะที่รถเอ.ที.มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 708,628 คัน เติบโต 4 % ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 45 % ,รถครอบครัวกึ่งสปอร์ต มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 43,670 คัน เติบโตลดลง 10 % หรือครองส่วนแบ่งทางการตลาด 3 % และรถแบบสปอร์ต มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 10,566 คัน เติบโต 3 % ครองส่วนแบ่ง 1 %
ส่วนรถมอเตอร์ไซค์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ ฮอนด้า เวฟ 100 ที่มียอดขายสะสม 417,196 คัน ,ฮอนด้า คลิก จำนวน 254,508 คัน ,ยามาฮ่า ฟีโน่ จำนวน 228,485 คัน,ยามาฮ่า มีโอ จำนวน 90,115 คัน และ ฮอนด้า เวฟ 100 เอ็กซ์ จำนวน 88,329 คัน
|