|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL-BIGC-HMPRO ยังโตได้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เร่งขยายสาขาก่อนพ.ร.บ.ค้าปลีกค้าส่งมีผลบังคับใช้ CPALL เด่นสุดแนวโน้มเติบโตขยายกว่า 400สาขา รวมถึงตัดการรับรู้ขาดทุนจากโลตัสจีน ส่วน BIGC ขยาย 12 แห่ง ขณะที่ลูกค้าบ้านเก่าและงานโฮมโปร เอ็กซ์โป ดันรายได้ HMPRO
จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายของผู้บริโภค ในขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกอย่าง บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL), บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC)และ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ดูเหมือนยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและเป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งเสมือนมีภูมิต้านทานที่สำคัญในการฝ่าช่วงเศรษฐกิจที่ยากลำบากเช่นนี้ไป
บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง ประเมินว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่จะยังเติบโตได้แต่อัตราที่ลดลงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ConsumerConfidence Index : CCI) ในเดือนตุลาคมปรับตัวลดลงมาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่75.8 จากทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและวิกฤติการณ์การเงินโลก
อย่างไรก็ดีเชื่อว่าผู้ประกอบการที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันยังมีแนวโน้มเติบโตได้โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากการที่ผู้บริโภคหันมานิยมร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) มากขึ้น
สำหรับพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ปัจจุบันยังไม่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนจึงจะนำมาบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ ดังนั้นในช่วงนี้ร้านค้าปลีกสมัยใหม่จึงยังสามารถขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่อง เช่น BIGC คาดว่าจะเปิด 3-4 สาขาในปี 2552 เช่นเดียวกับ HMPRO ส่วน CPALL ยังคงเป้าหมายในการเปิดสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 400-450 สาขาต่อปี
ส่วนในอนาคตหาก พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งมีผลบังคับใช้ ก็คาดว่าจะส่งผลให้การขยายสาขาทำได้ยากขึ้น อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการที่มีสาขาจำนวนมากและครอบคลุมพื้นที่ขายหลักๆ อยู่แล้วก็จะอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายเล็กที่ยังมีสาขาน้อยรวมไปถึงผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาแข่งขัน
โดย CPALL นับเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีกจากการที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อและเคาน์เตอร์เซอร์วิสของบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตดี ขณะที่บริษัทมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเติบโตจะมาจากทั้งสาขาร้านเซเว่นฯ ในปัจจุบันที่มีประมาณ4,700 สาขาและการเปิดสาขาใหม่ ประกอบกับการเพิ่มสินค้าประเภทอาหารที่มีสัดส่วนประมาณ 70% ของยอดขายก็จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัท เนื่องจากสินค้าประเภทอาหารมีอัตรากำไรที่สูงกว่าสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร นอกจากนั้น CPALL ยังไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจากโลตัสที่จีนอีกต่อไปหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการขายเมื่อสิ้นเดือนตุลาคม
ด้าน BIGC มีเติบโตต่อเนื่อง จากการขายสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เป็นหนึ่งในดีสเคาน์สโตร์ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ มีการเปิดสาขาจำนวนมากถึง 12 สาขาในปีนี้รวมทั้งการทำกิจกรรมการตลาดเพื่อส่งเสริมยอดขาย คาดว่าจะทำให้ BIGC สามารถสร้างยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีรายได้เพิ่มเติมจากเงินสนับสนุนการขายจากซัพพลายเออร์และรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอจากการให้เช่าพื้นที่
สำหรับ HMPRO ที่เป็นผู้นำตลาดในธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัย ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนี้ ยอดขายจะถูกผลักดันจากการเติบโตของลูกค้าที่ต้องการปรับปรุงบ้านมากกว่าลูกค้าที่ซื้อบ้านใหม่ ขณะที่การจัดงาน Home Pro Expo ยังช่วยเพิ่มยอดขายได้ต่อเนื่องการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้กับบริษัท นอกจากนั้น HMPROยังได้รับอานิสงส์บางส่วนจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้สามารถนำดอกเบี้ยเงินกู้ มาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
|
|
|
|
|