Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 มกราคม 2552
ตลาดหุ้นไทยปรับฐาน ต่างชาติฉวยจังหวะ2วันซื้อสุทธิ2.3พันล้าน             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยผันผวนตามทิศทางราคาน้ำมันและแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น กดดันดัชนีเคลื่อนไหวสลับทั้งแดนบวก-ลบ ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 473.15 จุด ลดลงกว่า 5.54 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติดอดซื้อสุทธิรวม 2 วันเฉียด 2.3 พันล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์ให้น้ำหนักปัจจัยต่างประเทศ แนะนักลงทุนจับตาผลการแก้วิกฤตเศรษฐกิจโลก-ราคาน้ำมัน

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (6 ม.ค.) ปรับตัวขึ้นลงค่อนข้างผันผวนสลับกันระหว่างแดนบวกกับแดนลบ สอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชีย โดยในช่วงเช้ามีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องจากวันก่อนทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่เหนือแดนบวก หลังจากนั้นได้มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่กดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลงอีกครั้ง

โดยดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 488.12 จุด ก่อนจะเจอแรงเทขายทำกำไรออกมาทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 470.82 จุด และปิดการซื้อขายที่ระดับ 473.15 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 5.54 จุด หรือคิดเป็น 1.16% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 21,345.04 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศได้เริ่มทยอยเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง คือ มียอดซื้อสุทธิ 1,332.20 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 392.80 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 939.40 ล้านบาท ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิรวม 2 วันทำการรวมทั้งสิ้น 2,281.41 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท. ราคาปิดที่ 184 บาท ลดลงจากวันก่อน 5 บาท หรือคิดเป็น 2.65% มูลค่าการซื้อขายรวม 2,788.91 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 120 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 2.44% มูลค่าการซื้อขาย 1,922.20 ล้านบาท และบมจ.บ้านปู (BANPU) ปิดที่ 256 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 0.78% มูลค่าการซื้อขาย 1,852.39 ล้านบาท

นายมงคล พ่วงเกตรา ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL กล่าวว่า วานนี้ (6 ม.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวค่อนข้างผันผวน โดยช่วงเช้ามาแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 47.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ในช่วงบ่ายราคาน้ำมันในตลาดซื้อขายล่วงหน้าได้ปรับลดลงกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล บวกกับข่าวความขัดแย้งเรื่องการส่งก๊าซระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับปัจจัยในประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่แรงที่เข้ามากระทบต่อตลาดหุ้นไทยนัก เนื่องจากเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินงานตามกรอบและนโยบายที่กำหนดไว้ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา แม้จะมีกระแสการคัดค้านจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะยังแกว่งตัวตามปัจจัยต่างประเทศ โดยนักลงทุนต้องติดตามกรณีความขัดแย้งของรัสเซีย และมติที่ประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปค) ดังนั้นควรชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ ทั้งนี้ประเมินแนวรับอยู่ที่ 460 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 488 จุด

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ภาพรวมการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยยังมีแรงซื้อสลับกับแรงเทขาย โดยเปิดตลาดช่วงเช้ามีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับ 488 จุด ส่วนช่วงบ่ายจากการที่ผู้ลงทุนมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังซบเซา ส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน และเหล็ก ขณะเดียวกันปัจจัยในประเทศไม่ส่งผลต่อการปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้น

“ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะแกว่งตัว และควรจับตาการปรับขึ้นลงของราคาน้ำมัน และความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการที่รัสเซียหยุดส่งก๊าซโดยไม่ได้ระบุสาเหตุ ตลอดจนสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลางที่มีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยให้คอยจังหวะเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวใกล้ระดับ 462 จุด และให้แนวรับที่ 462 จุด ส่วนแนวต้าน 488 จุด” นายชัย กล่าว

ด้านนายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า จากการที่ดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ และตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวในทิศทางเดียวกัน โดยมีแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ บมจ.ปตท (PTT) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และบมจ. บ้านปู

“ช่วงนี้ปัจจัยในประเทศไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก จากการประเมินสถานการณ์ในประเทศยังไม่ความเคลื่อนไหวพิเศษ แม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. แต่ตลาดมองว่าคงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น เพราะปัจจุบันอยู่ในช่วงรอดูผลงานของรัฐบาล”

ส่วนแนวโน้มความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยนั้น คาดว่าจะยังมีแรงเทขายออกมา เนื่องจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกยังไม่แนวโน้มที่ดีขึ้น ดังนั้นนักลงทุนต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะส่งสัญญาณต่อดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมถึงทิศทางของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยมีแนวรับที่ 460 จุด และแนวต้านที่ 480 จุด

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นไทยปรับฐานจากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น หลังดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแรงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ราคาได้ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้น PTT และ PTTEP ขณะเดียวกันยังสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและลบในกรอบแคบๆ

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยน่าจะมีการปรับฐานต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยที่กระทบทั้งในประเทศและต่างประเทศ คือ แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลก และปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ ที่จะมีการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 11 มกราคมนี้ โดยให้แนวรับที่ 450 จุด และแนวต้าน 480-485 จุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us