Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 มกราคม 2552
“ASP”ชี้มูลค่าซื้อขาย1.5หมื่น/วัน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)

   
search resources

เอเซีย พลัส, บมจ.
Stock Exchange




บล.เอเซีย พลัส ประเมินตลาดหุ้นไทยปีฉลูไม่โต มูลค่าการซื้อขายเฉลียใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท ระบุปีนี้จะเริ่มเห็นบริษัทโบรกเกอร์ขนาดเล็กควบรวมกิจการเพื่อเสริมความแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มหวนคืนตลาดหุ้นไทยปลายไตรมาส 2/52

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP และในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ในปี 2552 ธุรกิจหลักทรัพย์มีแนวโน้มน่าจะปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 52 ที่คาดการณ์จะปรับตัวจากปีที่ผ่านมา หลังจากปี 51 ธุรกิจหลักทรัพย์ได้ตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะใกล้เคียงกับปี 51 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยนต่อวันประมาณ 16,000 บาทต่อวัน

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ขนาดเล็กที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ต่ำกว่า 2% จะดำเนินธุรกิจได้ลำบากกว่าบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ ดังนั้นบล.ขนาดเล็กจะต้องเร่งสร้างความแข็งแกร่งและรุกธุรกิจที่บริษัทมีความชำนาญ และหารายได้อื่นๆ เข้ามาเสริม และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย

สำหรับแนวโน้มการควบรวมกิจการของบริษัทหลักทรัพย์ (M&A) นั้น นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ในปีนี้น่าจะมีการควบรวมกิจการของบริษัทที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มที่จะมีการเจรจาบ้างแล้ว แต่จะสามารถดำเนินการได้เรียบร้อยหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย

“ปี 51 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงค่อนข้างแรง แต่ธุรกิจหลักทรัพย์ยังสามารถอยู่ได้ และในปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมาที่เป็นปีที่แย่ที่สุดในรอบหลายๆ ปี แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะไม่ดี แต่มูลค่าการซื้อขายตลาดหุ้นไทยคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้”

นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ บล.เอเซียพลัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเมินมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยตลาดหุ้นไทยไว้ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะกดดันให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนของไทยปรับตัวลดลงประมาณ 8%

“ภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้อต่อการลงทุน บวกกับนักลงทุนหันมาส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชัน) อยู่ที่ 0.15% ต่ำกว่าการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) จะส่งผลกระทบต่อรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และผลการดำเนินงานของโบรกเกอร์ด้วย”

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ไม่ดีจากวอลุ่มตลาดที่ลดลงหรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับผลเสียหายจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) โดยบล.ที่มีมาร์เกตแชร์ต่ำ กว่า 1% จะอยู่รอดลำบาก นอกจากจะมีธนาคารพาณิชย์สนับสนุนเงินทุน ซึ่งจะทำให้เกิดการควบรวมกิจการมากขึ้น เช่น บล.เคทีบี และบล.ซีมิโก้ ที่มีการทำควบรวม และจะเห็นการปิดสาขาของโบรกเกอร์มากขึ้น เพื่อเป็นการลดต้นทุนการดำเนินงานลดลง

สำหรับการที่นักลงทุนต่างชาติมีการชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากที่มีการขายหุ้นออกไปเพื่อสร้างสภาพคล่องทางการเงินนั้น ทำให้โบรกเกอร์ที่มีฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนต่างชาติได้รับผลกระทบ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกนักลงทุนจะยังไม่กลับเข้ามาลงทุน แต่คาดว่าจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งในช่วงปลายไตรมาส 2/52

“ผลประกอบการของบล.ยังคงไม่ดี จากที่ยังได้รับผลขาดทุนจากการปล่อยมาร์จิ้นอยู่และวอลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงและทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ค่าคอมมิชชันต่ำลงจากนักลงทุนหันมาเทรดผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น จากมีค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำกว่าเทรดผ่านมาร์เกตติ้ง ดังนั้นบริษัทหลักทรัพย์จะต้องมีการหารายได้อื่นเข้ามาเสริม และมีการลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น” นางภรณี กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us