|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
วรินทร์ใช้เวลา 1 ปีผลักดันให้กล้องแคนนอนมียอดขายพุ่งถึง 30% จากเดิมที่มียอดขายเพียง 9% เขากล้าที่จะฝันว่าแคนนอนจะแซงโซนี่ได้ในอีกไม่นาน
วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช เลือกเรียนสาขาการตลาดตามที่เขาชอบและจบการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)
หลังจากนั้นเขาทำงานด้านการตลาดให้กับบริษัทในเครือกลุ่มผลิตเหล็ก ในเครือศรีกรุง แต่ทำได้ไม่นานเพราะธุรกิจจะเน้นงานด้านการขายเป็นส่วนมาก ทำให้เขาตัดสินใจลาออก เพราะคิดว่าอยู่ไปก็ไม่มีงานทำ เขาเริ่มต้นงานใหม่อีกครั้งที่บริษัทจาร์ดีนแปซิฟิค (ไทยแลนด์) จำกัด มีหน้าที่รับผิดชอบทางด้านงานขาย ติดต่อธุรกิจ การนำเข้าและส่งออกสินค้า เขาบอกว่าชอบที่นี่ เพราะทำให้เขาได้ใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อกับลูกค้าที่หลากหลายและได้เรียนรู้มากมาย
ทำได้ 2 ปี เขาเห็นบริษัทแคนนอนฯ ประกาศรับสมัครงาน หลังจากก่อตั้งบริษัทได้ 1 ปี ในตอนแรก เขาไม่มีความคิดที่จะสมัครงานในบริษัทญี่ปุ่น เพราะได้ยิน ได้ฟังมาว่าทำงานให้กับบริษัทญี่ปุ่นจะถูกใช้งานอย่างคุ้มค่า
แต่เขาตัดสินใจสมัครและร่วมทำงานกับบริษัทแคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2538 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาด ฝ่ายเครื่องโทรสาร และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ก้าวเป็นผู้อำนวยการตามลำดับ
ล่าสุดเมื่อปี 2549 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป ส่วนคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น ที่มีหน้าที่ดูแลทั้งเครื่องปรินเตอร์ และกล้องดิจิตอล
เส้นทางการทำงานในแคนนอนของวรินทร์จะเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี ปัจจุบันเขาร่วมงานมาเป็นระยะเวลา 14 ปี เขามีประสบการณ์ดูแลสินค้าทุกแผนกของแคนนอน เริ่มตั้งแต่เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ โปรเจ็กเตอร์ เครื่องอิงค์เจ็ต ปรินเตอร์ และกล้องดิจิตอล
ธุรกิจหลัก ปรินเตอร์และกล้องดิจิตอล ที่วรินทร์ดูแลในแต่ละปีสร้างรายได้ให้กับบริษัทแคนนอนปีละ 5 พันล้านบาท โดยเฉพาะตลาดปรินเตอร์ที่สร้างรายได้ครึ่งหนึ่งให้กับกลุ่มธุรกิจของแคนนอน
แม้ว่าปัจจุบันตลาดปรินเตอร์จะขยายลดน้อยลงเหลือ 35-36% แต่เป็นเพราะว่าฐานเดิมที่มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว
ส่วนกล้องแคนนอนเริ่มสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น 45-47% ในช่วง 2-3 ปี หลังจากที่วรินทร์เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงาน ทีมขายและทีมการตลาด
เขาสร้างทีมงานขายและทีมตลาดให้ทำงานร่วมกัน รับรู้ข้อมูลข่าวสาร หรือจัดอบรมทำให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันโดยไม่แบ่งแยก
วรินทร์บอกว่า สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการผลักดันธุรกิจทั้งในส่วนของปรินเตอร์และกล้องดิจิตอลไม่ได้เกิดจากเขาเพียงคนเดียวแต่เกิดจากทีมงาน
หากมองในมุมชีวิตส่วนตัวของเขาเอง เขามองว่าตัวเขายังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แม้ว่าจะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ก็ตาม เพราะเขาคิดว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้และพรุ่งนี้ก็ต้องดีกว่า
ชีวิตการทำงานของวรินทร์ไม่ได้เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันก็ตาม เขายังต้องรับผิดชอบในส่วนของงานขายและการตลาด
แต่การปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่สูงขึ้น พร้อมกับหน้าที่รับผิดชอบทุกๆ 2 ปีจึงทำให้เขายังรู้สึกสนุกและได้ปรับตัวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาโดยตลอด
ทัศนคติของวรินทร์ที่มีต่อการทำงานและมีความกระตือรือร้นอยู่ตลอด อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมงานของเขามองว่า เป็นเรื่องที่ท้าทายที่จะผลักดันแคนนอนให้ได้รับชัยชนะ โดยมีวรินทร์เป็นผู้ร่วมผลักดัน
|
|
|
|
|