Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 มกราคม 2552
หุ้นพุ่งวันแรกเฉียด 30 จุดโบรกฯชี้ได้เห็นทะลุ500             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยประเดิมปีวัวสุดคึกคัก เป็นไปตลาดหุ้นทั่วโลก หลังทั้งสหรัฐฯ เตรียมคลอดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเดียวกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ประกอบกับราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นใกล้ระดับบาร์เรลละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ หนุนดัชนีวันแรกพุ่งเฉียด 30 จุด มูลค่าซื้อขายกว่า 1.8 หมื่นล้าน เผยต่างชาติดอดซื้อสุทธิเกือบพันล้าน โบรกเกอร์มั่นใจ January Effect ดึงเงินนอกไหลเข้า เชื่อการเมืองคลี่คลายดันดัชนีเดือน ม.ค.ทะลุ 500 จุด

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (5 ม.ค.) เปิดทำการวันแรกของปีฉลู ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่มีเข้ามาอย่างคึกคัก โดยมีแรงซื้อเข้ามนในหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ ที่ได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น บวกกับการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศไทยด้วย

จากปัจจัยบวกดังกล่าว ผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่แดนบวกตลอดทั้งวัน มีจุดต่ำสุดที่ 459.57 จุด ก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นจนหนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นปิดที่ระดับสูงสุดของวัน 478.69 จุด เพิ่มขึ้นแรงกว่า 28.73 จุด หรือคิดเป็น 6.39% มูลค่าการซื้อขายรวม 18,596.12 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศได้กลับเข้ามาประเดิมซื้อหุ้นในวันแรกนี้ โดยมียอดซื้อสุทธิ 949.21 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,926.03 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,875.24 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราคาปิด 123 บาท เพิ่มขึ้น 16 บาท หรือคิดเป็น 14.95% มูลค่าการซื้อขาย 1,678.77 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 189 บาท เพิ่มขึ้น 14 บาท หรือ 8.00% มูลค่าการซื้อขาย 2,374.55 ล้านบาท และบมจ.บ้านปู (BANPU) ปิดที่ 258 บาท เพิ่มขึ้น 30 บาท หรือ 13.16% มูลค่าการซื้อขาย 1,947.31 ล้านบาท

ราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไซรัส (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ภาพรวมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรกของปี 2552 ค่อนข้างสดใส โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีปัจจัยขับเคลื่อนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับขึ้นใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล บวกกับแรงซื้อจากปรากฏการณ์ January Effect ที่มีเม็ดเงินย้ายกลับ ซึ่งในทุกครั้งจะมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นถึง 80%

ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยังได้รับอานิสงส์จากกรณีที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก ทำให้ผลตอบแทนจากากรลงทุนในตราสารทางการเงินทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ลดลง นักลงทุนจึงปรับแผนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า รวมทั้งความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของนายบารัค โอบามา ที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ได้สะท้อนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ส่วนปัจจัยในประเทศจากการประกาศลดดอกเบี้ยของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ได้ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากผู้ลงทุนมองว่าการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นการปรับตามทิศทางต่างประเทศเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (6 ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะมีทิศทางขาขึ้นจากปรากฏการณ์ January Effect แต่นักลงทุนจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันในตลาดโลก และทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศ ดังนั้นจึงแนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้น ทั้งนี้ ประเมินแนวรับที่ 450 จุด และแนวต้านที่ 480 จุด

ขายทำกำไรดัชนีใกล้ 480 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ ฮ่องกง และจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ได้ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเกือบแตะแนวต้านที่ 480 จุด

“ปัจจัยในประเทศยังไม่มีความเคลื่อนไหวพิเศษ เนื่องจากอยู่ในช่วงรอดูท่าทีและกรอบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขณะที่ปัญหาการเมืองในประเทศเองยังดูเหมือนจะไม่คลี่คลายไปเลยทีเดียว เนื่องจากยังมีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาคัดค้าน”

ส่วนแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยนักลงทุนควรจับตาการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ดังนั้นควรชะลอการลงทุนระยะยาวออกไปก่อน ขณะที่การลงทุนระยะสั้น หากดัชนีบวกใกล้ระดับ 480 จุด ให้รีบเทขายทำกำไรก่อน ประเมินแนวรับไว้ที่ 455 จุด และแนวต้านที่ 480 จุด

หวังสหรัฐฯเพิ่มมาตรการอุ้ม ศก.

ด้านนางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดวันสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องมานักลงทุนเริ่มมีความคาดหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีสามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทำให้สามารถบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่ แม้จะมีเสียงคัดค้านของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยบ้าง

“ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกต่อไปได้ นักลงทุนควรจับตาการทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อขายระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและพลังงานที่อาจได้รับปัจจัยของการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งในและต่างประเทศ แนวรับที่ 466-470 จุด และแนวต้านที่ 480-488 จุด”

ม.ค.ดัชนีหุ้นไทยทะลุ 500 จุด

นายวรุฒม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเปิดซื้อขายวันแรกในปี 2552 ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงผลักดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการเก็งกำไรจากกระแสข่าวที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจจากเดิม 7.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับช่วงต้นปีจะมีปรากฏการณ์ January Effect ที่มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้น

“ก่อนหน้านี้กองทุนต่างๆ ได้ลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยการหันไปถือพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำมาก ทำให้กองทุนต่างๆ กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยประเมินว่าในเดือนม.ค.นี้ ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสทะยานขึ้นไปถึง 500 จุด จากนั้นจะอ่อนตัวลงในเดือน ก.พ. ตามแนวโน้มของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกในไตรมาส 4 ปี 2551 จะออกมาย่ำแย่”   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us