|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สถาบันการเงินหลายแห่งต่างออกมาพยากรณ์เศรษฐกิจของปีนี้ต่างก็บอกพ้องเสียงเดียวกันว่าย่ำแย่ และ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ก็ออกมาแนะนำนักลงทุนให้ปรับตัว
เป็นธรรมเนียมทุกๆ สิ้นปีที่เอ็มเอฟซีจะต้องนำคณะผู้บริหารออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวสภาพเศรษฐกิจและแนะนำวิธีการลงทุน
ปลายปีที่ผ่านมาเอ็มเอฟซีได้จัดสัมมนา "Economic Outlook" มีผู้บริหาร 3 คนที่มีดีกรีระดับ ดร.นำหน้าทุกคน ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ ดร.ศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ และ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการมากันอย่างพร้อมเพรียง
ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนในปีนี้หลังจากที่ผ่านมา มีสัญญาณมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนก่อนที่จะเกิดปัญหาซัพไพร์มรุนแรงเมื่อเดือนกันยายนทำให้สถาบันการเงินเลห์แมนบราเธอร์สถึงกับต้องล้มละลาย
สิ่งที่จะเห็นและมีผลกระทบกับนักลงทุนในปีนี้คือการระดมทุนที่ยากมากขึ้นและรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายทำให้นักลงทุนบางส่วนลดการลงทุนโดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนกองทุนรวมในต่างประเทศประเภท FIF (Foreign Investment Fund และการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
การลงทุนใน FIF และสินค้าโภคภัณฑ์ถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงเพราะในตลาดต่างประเทศค่อนข้างมีความผันผวนสูงที่เกิดจากการถดถอยของสภาวะเศรษฐกิจเกิดขึ้นทั้งโลกจึงทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจ
ปีนี้จะเห็นนักลงทุนหันมาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้นเลือกลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล กองทุนระยะยาว กองทุนอสังหาริมทรัพย์
จากแนวทางการลงทุนที่เปลี่ยนไปจะทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหันมาออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับธนาคารที่มีให้บริการด้านคุ้มครองเงินต้น ประกันผลตอบ แทนขั้นต่ำ
ดร.ศุภกรบอกว่าในไตรมาสแรกนี้นักลงทุนจะปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความเสี่ยงต่ำและเขาเชื่อว่านักลงทุนจะหันไปลงทุน ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะลงทุนในธุรกิจศูนย์การค้าเพราะเป็นกองทุนที่ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่ต้องพึงระวังในส่วนของ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในส่วนของโรงแรมเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ
ในไตรมาสที่สองนักลงทุนเริ่มลงทุนในส่วนของบริษัทเอกชนที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นบริษัทที่อยู่ในระดับเกรดเอ เพราะเอกชนจะเริ่มระดมทุนผ่านหุ้นกู้เพิ่มมากขึ้น ส่วนสภาพเศรษฐกิจโดยรวมคาดว่าจะถึงจุดต่ำสุดในรอบปี
ไตรมาสสี่หากเศรษฐกิจฟื้นตัวตลาดหุ้นและตลาดทุนจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งและถ้าสองตลาดส่งสัญญาณดีขึ้นจะทำให้ภาพรวมในตลาดดีขึ้นเป็นสิ่งที่เอ็มเอฟซีมอง
ดร.ณรงค์ชัยให้ความเห็นเกี่ยวกับการคาดการณ์เศรษฐกิจของหน่วยงานรัฐบาล อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักเศรษฐกิจ การคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะต่ำกว่า 3 หน่วยงานที่คาดการณ์
เช่น GDP ที่อยู่ระหว่าง 3.8-5.0 การบริโภค 3.5-4.5 การลงทุน 4.8-8.3 ส่งออก 6.5-10.0 นำเข้า 6.5-10.0 อัตราแลกเปลี่ยน -3.5-4 เงินเฟ้อ 2.5-4.0
การพยากรณ์ของเอ็มเอฟซีจะแม่นขนาดฟันธงหรือไม่ ผู้ลงทุนต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะผู้ประกอบการมักจะเตือนเสมอว่าการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง
|
|
|
|
|