|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แม้ว่าธนาคารเอชเอสบีซี สัญชาติอังกฤษ จะยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพไพร์ม แต่เอชเอสบีซีก็เพลี่ยงพล้ำเข้าไปลงทุนในเฮดจ์ฟันด์ "เบอร์นาร์ด แอล แมดอฟฟ์ อินเวสเมนท์ ซีเคียวริตี้ส์" ที่ฉ้อฉลในลักษณะแชร์ลูกโซ่
มูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นโดยรวมถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐและรายงานจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุว่า เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ได้เข้าไปลงทุนเช่นเดียวกันและคาดกันว่าจะมีความเสียหายสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์
ก่อนที่จะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องธนาคารเอชเอสบีซีจ่ายเงินปันผลเมื่อไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมาให้กับผู้ถือหุ้นมูลค่า 0.18 เหรียญดอลลาร์ต่อหุ้น
ธนาคารยืนยันความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่ผ่านมาว่าเป็นธนาคารที่ไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือด้านเงินทุนจากรัฐบาลหรือผู้ถือหุ้นและยังใช้โอกาสเข้าไปซื้อกิจการธนาคารอิโคโนมิแห่งอินโดนีเซีย
เหตุผลที่ทำให้ธนาคารเอชเอสบีซียังมีสภาพคล่องทางด้านการเงินเพราะธนาคารสาขาที่อยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียแปซิฟิก และยุโรป ยังทำรายได้ให้กับกลุ่มได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ธนาคารยอมรับวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาได้ส่งผลกระทบต่อธนาคารเช่นเดียวกันโดยเฉพาะในอังกฤษและฮ่องกงราคาหุ้นตกลงไปถึง 20% แต่ธนาคารพยายามเปรียบเทียบ กับสถาบันการเงินอื่นๆ ราคาหุ้นตกมากกว่าธนาคารเอชเอสบีซี
ในภาพรวมของวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้น มร.วิลลี แทม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเอชเอสบีซีประจำประเทศไทยบอกว่าสหรัฐอเมริกาจะต้องใช้เวลาในการปรับโครงสร้างถึง 2 ปีในการแก้ปัญหาธุรกิจทางด้านการเงิน
ในส่วนของประเทศไทยธนาคารได้เพิ่มทุนเป็น 2,450 ล้านบาทเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเงินจำนวนนี้จะนำไปขยายธุรกิจ อาทิ สินเชื่อธุรกิจ พาณิชย์ธนกิจและบุคคลธนกิจรวมไปถึงการควบรวมกิจการเมื่อมีโอกาส
ซึ่งนโยบายในการทำธุรกิจของธนาคารในเมืองไทยยังเป็นนโยบายเดิม ที่ไม่ได้ผิดแผกไปจากเดิมแม้แต่น้อย
ธนาคารยืนยันเน้นลูกค้ารายใหญ่ ที่อยู่ในตลาดเงินและตลาดทุน ทำให้ มร.แทมบอกว่าเป็นเรื่องที่โชคดีของธนาคารที่กลยุทธ์ไม่เปลี่ยนและเดินตามแผนธุรกิจแม่มาโดยตลอด
รายได้ของธนาคารในประเทศไทยมา 3 ส่วนธุรกิจหลัก อาทิ รับฝากหลักทรัพย์ 15% ธุรกิจตลาดเงิน ตลาดทุน 40% และธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและลูกค้าส่วนบุคคล 45%
มร.แทมมองว่า ในปี 2552 เป็นช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เพราะภาพรวมจีดีพีของไทยเชื่อว่าจะลดลง 0-2% เนื่องจากธุรกิจส่งออกได้รับผลกระทบจากตลาดจีน ยุโรป สหรัฐอเมริกามีความต้องการสินค้าลดลง
มร.แทมแนะนำผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในปีนี้ไม่ควรลงทุนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรยืมเงินมาขยายธุรกิจ บริหาร จัดการต้นทุนให้เหมาะสมและรอให้ผ่านพ้นไปจนถึงปี 2553
สิ่งที่ลูกค้าปรารถนาจากธนาคารในปีหน้าคือการประกันความเสี่ยง การจัดการสภาพคล่องและการจัดการเงินสด
มร.แทมมองว่า วิกฤติที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศคาดว่าจะดีขึ้นแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก จึงทำให้ ทำงานค่อนข้างใกล้ชิดกับพนักงานของเขา เพื่อติดตามสถานการณ์ ที่เกิดขึ้น
แม้ว่า มร.แทมจะเข้ามาทำงานในเอชเอสบีซีเป็นระยะเวลา 1 ปีแต่ผลงานยังไม่เห็นเด่นชัดมากนักเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในเมืองไทยตลอดปี 2551 ที่ผ่านมามีทั้งวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติการเมืองควบคู่กันไป
แต่ปี 2552 กูรูด้านเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศก็คาดเดากันว่าปีนี้จะรุนแรงและสาหัสมากกว่า แม้ มร.แทมจะยืนยันว่าเขามีทีมงานที่แข็งแกร่ง ก็ต้องรอดูต่อไปว่าทีมงานของเขาจะช่วยได้มากแค่ไหนจากนี้ไปอีก 1 ปี
|
|
|
|
|