|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
หลังจากที่ค่ายยักษ์ใหญ่โทรศัพท์มือถือโมโตโรล่าได้ปิดสำนักงานในเมืองไทยไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้แอลจี ค่ายเกาหลีที่บุกตลาดอย่างหนักในช่วง 1-2 ปี เริ่มคึกคักและฝันจะมาแทนที่โมโตโรล่าในอนาคตอันใกล้นี้
แม้ว่าบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด จะก่อตั้งมาหลายสิบปีในประเทศไทยก็ตาม แต่ชื่อเสียงของสินค้า ส่วนใหญ่จะรู้จักภายใต้ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียส่วนมาก
โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแอลจีเริ่มมาทำตลาดในเมืองไทยได้ไม่นานนัก โทรศัพท์มือถือแอลจีก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เบอร์หนึ่งที่อยู่ในใจของผู้บริโภคคนไทยเหมือนโทรศัพท์มือถือซัมซุงจากแดนกิมจิที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยในช่วงแรก
ปัจจุบันซัมซุงมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับสองรองจากโนเกีย และโนเกียครองแชมป์จวบจนทุกวันนี้ ส่วนโมโตโรล่ามีส่วนแบ่งเป็นอันดับสามในฐานะแบรนด์จากต่างประเทศ
โทรศัพท์มือถือแอลจีที่ครองตลาดอยู่อันดับสี่จึงหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าในปี 2552 จะต้องไต่ไปอยู่อันดับสาม
แอลจีใช้โอกาสและจังหวะที่โมโตโรล่าถอนตัวออกจากตลาดพร้อมกับอาศัยช่วงเวลาเทศกาลสิ้นปีที่ผ่านมาใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท รุกตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ LG-KP500 ระบบสัมผัสในราคา 9,900 บาท ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งหลายค่ายที่กำหนดราคาระดับหมื่นกว่าบาท โดยแอลจีอ้างว่าโทรศัพท์มือถือระบบสัมผัสที่จำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันขายในราคา 13,000 บาท
แต่แอลจีกำหนดราคาไว้ 9,900 บาทและยืนยันว่าราคาที่นำมาจำหน่ายไม่ได้ขายต่ำกว่าทุน
และเป็นครั้งแรกที่แอลจีใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นคนไทย โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้ความรู้สึกที่ใกล้ชิดกับคนไทยมากขึ้น
งบประมาณ 100 ล้านบาทที่ใช้ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาจนถึงมกราคมปีนี้ถือว่าเป็น การใช้งบมากที่สุดเมื่อเทียบกับงบประมาณการตลอดทั้งปีของแอล จีในส่วนของโทรศัพท์มือถือที่กำหนดไว้ 400 ล้านบาท
และในปี 2552 แอลจียังคงยืนยันที่จะใช้งบการตลาด 400 ล้านบาทเช่นเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะถดถอยก็ตามที
แอลจีคาดหวังยอดขายโทรศัพท์มือถือรุ่น LG-KP500 ไว้ที่เดือนละ 10,000 เครื่อง หรือทำยอดขายให้กับบริษัทได้ 120,000 เครื่อง ในปี 2552
ก่อนหน้านี้แอลจีได้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือระบบสัมผัสมาอย่างต่อเนื่องแล้ว 5 รุ่น อาทิ Secret หรือ Viewty
กลยุทธ์การแทนที่โมโตโรล่าของแอลจีที่คาดว่าจะเห็นในปีหน้าเพิ่มมากขึ้นคือการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนจำหน่ายด้วยการเปิดการเจรจาที่เข้มข้นมากขึ้นทั้งเรื่องของบริการหลังการขายรวมไปถึงผลประโยชน์หรือกำไรที่ตัวแทนจะได้รับ
ทวีโชค ลลิดศศิวิมล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือบริษัท แอลจีฯ บอกว่า ปี 2552 จะเป็นปีแห่งการแย่งชิงตัวแทนจำหน่ายและมีโอกาสได้เห็นสงครามราคาโทรศัพท์ มือถืออีกครั้งหนึ่ง
การแทนที่โมโตโรล่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแอลจีเพราะการถอนตัวออกไปจากตลาดทำให้แอลจีในฐานะแบรนด์ต่างประเทศได้แทนที่โมโตโรล่าโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ค่ายที่ครองส่วนแบ่งการตลาดโทรศัพท์มือถือเป็นอันดับที่ 3 ตัวจริงในปัจจุบันคือ ไอ-โมบาย กลุ่มบริษัท สามารถคอร์ป ที่เป็นยี่ห้อท้องถิ่นที่ต่อกรกับโทรศัพท์ต่างประเทศอยู่ในปัจจุบัน
ฉะนั้นเป้าหมายของ มร.เฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจีฯ ที่ฝันว่าจะขึ้นเป็นที่สามให้ได้นั้นต้องผ่านไอ-โมบาย กลุ่มสามารถไปให้ได้
ฝันของลีจะเป็นจริงได้แค่ไหนระยะเวลานับจากนี้ไป 1 ปี จะพิสูจน์ฝีมือผู้บริหารเกาหลีคนนี้ได้เป็นอย่างดี
|
|
|
|
|